ในช่วงชีวิตของเราแต่ละคน คงเคยมีบุคคลนิรนามผ่านเข้ามาและผ่านออกไป
โดยที่เรายังไม่ทันได้มีโอกาสรู้จักแม้แต่ชื่อของเขา
หรือแม้จะเห็นหน้าค่าตา แต่เหตุการณ์ชุลมุนชุลเก ก็ทำให้จำกันไม่ได้
เหลือไว้ก็แต่ความทรงจำที่ดีงามและคำขอบคุณ
หรือบางคนโชคร้าย อาจจะตรงกันข้าม
เนิ่นนานปีมาแล้ว...สมัยที่ฉันยังเป็นนิสิตปี 2
เป็นปีที่น้ำท่วมกรุงเทพฯครั้งใหญ่ น่าจะอยู่ในราวเดือนตุลาคม
ช่วงเวลาใกล้สอบกลางปี
วันนั้นน้ำท่วมทั่วจุฬาฯ เป็นเวลาใกล้เที่ยง
ฉันเดินท่อม ๆ เข้าไปในคณะคนเดียว
เพิ่งมาจากไหน จะไปไหน ฉันจำอะไรไม่ได้สักอย่าง
รู้แต่ว่ามีฝนโปรยปรายบางเบา
และเนื่องจากน้ำท่วม กลัวรองเท้าพัง
ฉันจึงถอดรองเท้าส้นเตี้ยสีครีมขึ้นมาหิ้วไว้ในมือ
แขนอีกข้างโอบหนังสืออยู่ที่อก
เดินลุยน้ำผ่านสามแยกปากหมา
(สามแยกหน้าคณะที่พวกนิสิตชายชอบไปนั่ง รอแซวคนเดินผ่้านไปมาที่เป็นผู้หญิง-สวย)
พลัน ! ฉันก็สะดุ้งเฮือกสุดตัว
มีอะไรบางอย่าง ทิ่มแทงเข้าไปใต้ฝ่าเท้าข้างซ้ายอย่างแรง
เจ็บปวดสุดชีวิต ฉันยกเท้าข้างนั้นขึ้นจากน้ำ
มันคือไม้เสียบลูกชิ้นที่ทุกคนรู้จักกันดี
ไม้เสียบลูกชิ้นอันนั้น แทงทะแยงเข้าไปใต้ฝ่าเท้าที่ย่ำน้ำมานาน จนเนื้อหนังอ่อนนุ่ม
ไม่เป็นอุปสรรคต่อการแทงทะลุ
ฉันรู้สึกตัวชา สมองมึนเพราะตกอยู่ในภาวะวิกฤติ
เหลียวซ้ายแลขวา ไม่มีใครเลย ฝนก็กำลังตกปรอย ๆ
เลือดค่อย ๆ ไหลซึมออกจากแผลมาที่ไม้ และบริเวณฝ่าเท้า
ฉันตัดสินใจอย่างรวดเร็ว
หมายจะกระชากไม้ลูกชิ้นออกจากฝ่าเท้าตัวเอง
อนิจจา..ไม้ลูกชิ้นไม่ยอมออก กลับหักคาอยู่ในนั้น !
หน้าตาฉันคงจะขาวซีด และใจก็คงยิ่งหดเล็กเหลือนิดเดียว
โชคยังช่วย.. มีพี่ปี 4 สองสามคน ยืนคุยกันที่ระเบียงตึกชั้นสาม
พี่ ๆ มองลงมา คงจะเห็นความผิดปกติของฉัน เขาพากันวิ่งลงมาหา
พอเห็นหน้าพี่ ฉันซึ่งปกติไม่เคยร้องไห้ให้ใครเห็น
กลับปล่อยโฮออกมากลางสายฝน พี่คนหนึ่งปลอบใจว่า
"ไม่ต้องร้องค่ะ ไม่ต้องร้อง" แล้วใครอีกคนก็บอกว่า
"ไปโรงพยาบาลกัน"
แต่ไม่มีใครมีรถสักคน
พี่ ๆ จึงพยายามชะเง้อชะแง้ว่าจะมีรถของใคร "หลง" เข้ามาในคณะบ้าง
ในที่สุดก็มีรถคันหนึ่ง จำได้ว่าเป็นรถจี๊ป คล้ายจี๊ปทหาร
พี่ ๆ ช่วยกันโบกให้พาฉันไปส่งโรงพยาบาลจุฬาฯ ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
ฉันต้องนั่งรออยู่ในรถเข็นนานเกือบชั่วโมง เพราะเป็นเวลาพักเที่ยงพอดี
หมอผ่าเอาส่วนของไม้ลูกชิ้นที่ค้างอยู่ออกมา ยาวเกือบ 3 นิ้ว
คิดถึงเมื่อไรก็ขนหัวลุก พลอยหวาดกลัวลูกชิ้นปิ้งไปอีกยาวนาน
หลังจากวันนั้นฉันต้องนั่งแท็กซี่ไปสอบโดยตลอด
เพื่อน ๆ ในกลุ่ม แรกรู้ข่าวพากันหัวเราะขำ
"อะไรวะ โดนไม้ลูกชิ้นเสียบ..." เสียงหัวเราะดังอยู่ในโทรศัพท์
แต่พอทุกคนเห็นสภาพฉันก็ขำไม่ออก เพราะเท้าบวมจนเดินแทบไม่ได้
ฉันเล่าเรื่องนี้ขึ้นมา ด้วยรู้สึกว่ามีหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ
เป็นหนี้ต่อพี่ ๆ นิรนาม ที่คณะบัญชี สองสามคนนั้น
กับทั้งพี่คนขับรถจี๊ปคันเขียวที่กรุณาพาฉันไปส่งที่โรงพยาบาล
ขอให้กุศลกรรม ที่เกิดจากความเมตตากรุณาของพี่ ๆ ในวันนั้น
ช่วยให้พี่ได้พบแต่สิ่งดี ๆ ในชีวิตตลอดไปด้วยเถิด
แม้ฉันจะไม่รู้จักพี่ และจำหน้าพี่ไม่ได้สักคน
แต่พี่ ๆ ก็อบอุ่นอยู่ในใจฉันตลอดมา
"..เราจะมองเห็นแจ่มชัดด้วยหัวใจ
สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยดวงตา.."
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น