วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2556

เชยและชุ่ย





สมัยเรียนหนังสือ
ฉันมักถูกเพื่อน - พี่ เรียกว่ายายเชย หรือไม่ก็ยายเฉิ่ม
ค่าที่ชอบทำอะไรเปิ่น ๆ ในสายตาของพวกเขาเสมอ ๆ

ที่จริงฉันออกจะเป็นคนซื่อ...  ฮ่า ฮ่า ฮ่า
และหลายครั้ง ความซื่อก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนแก่ตัวเอง
กลายเป็นความโง่  แบบโง่ไม่เสร็จสักที
พานนึกโมโหตัวเองอยู่บ่อย ๆ

หากความเชยของฉันพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
ก็ตรงที่ได้ทำให้เพื่อนฝูงหัวเราะ
ให้พวกเขาได้ล้อเลียนด้วยอารมณ์รื่นเริง
แก้เซ็งได้เป็นครั้งเป็นคราว  ก็เอาล่ะ

ส่วนในเรื่องของความชุ่ย
มีเรื่องราวน่าอัปยศเกี่ยวกับความชุ่ยของตัวเองอยู่ 2-3 ครั้ง
ที่ต่อมากลายเป็นเรื่องโจ๊กประจำตระกูล
เล่ากันไม่รู้กี่รอบ

วันหนึ่ง ฉันออกไปกินข้าวที่ร้านอาหารตามสั่ง ปากซอยหน้าสำนักงาน
ผู้คนบางตา เพราะเป็นร้านเล็ก ๆ ย่านชานเมือง
เด็กในสำนักงานที่ไปด้วยคนหนึ่ง ชื่อเจ้าแม้ว (ทั้งที่จริง ๆ เป็นคนลีซอ-
ส่วนน้องลีซอที่เป็นนักบอลคนดังนั่นก็ไม่ได้เป็นชาวเขาอะไรเลย
นอกจากจะชื่อลีซอแล้ว ยังมีคุณแม่ชื่อแม้วอีก - ฟังแล้วชักสับสน)

นั่ง ๆ กินข้าวอยู่  เจ้าแม้วก็จ้องมองเสื้อของฉันอย่างไม่วางตา
วันนั้นฉันใส่เสื้อแขก  เป็นผ้าป่านพิมพ์ลายดอกไม้ สีฟ้า แขนยาว
ที่คอมีไส้ไก่สีดำเส้นเล็ก ๆ  รูดจีบมาผูกเป็นหูกระต่ายด้านหน้า

"มองอะไรวะ แม้ว ?"   ฉันถาม
"ปลิ้น"   เจ้าแม้วพูดคำเมือง
"อะไรนะ ?"
"ปลิ้น"   เจ้าแม้วย้ำคำเดิม

เท่านั้นแหละ พรรคพวกร่วมโต๊ะอีก 2-3 คน ก็พร้อมใจกันหันมามองฉัน

อนิจจา !  ฉันใส่เสื้อปลิ้น !
กลับเอาข้างในออกข้างนอก

"โธ่เว้ยเฮ้ย !"  ฉันโวยวายกลบความเขินอาย
พรรคพวกพากันหัวเราะขบขัน

ก็ข้างนอกกับข้างในมันแทบจะไม่ต่างกันเลย
ซ้ำตะเข็บก็เย็บอย่างดีไม่มีรุ่ยร่ายออกมาสักนิด

นั่นเป็นครั้งแรกที่"ปลิ้น"
ยังมีอาการปลิ้นครั้งต่อมาอีก 2-3 ครั้ง
 แต่ครั้งที่ร้ายแรงที่สุด (ในความคิดของตัวเอง)
ก็คือคราวที่ใส่เสื้อเอาข้างหน้าไปไว้ข้างหลัง
และเอาข้างหลังมาไว้ข้างหน้า

คราวแรกนั่นเหตุการณ์เกิดแถวชานเมือง  ผู้คนบางตา
แต่คราวนี้ล่อกันกลางตลาดสดเลยทีเดียว

เสื้อตัวที่ใส่วันนั้นเป็นเสื้อพิมพ์ลายบาติก
เป็นผ้าเนื้อลื่น ๆ ใส่สบาย  คอกลม  แขนสั้น
ผ่าไหล่ติดกระดุม 2 เม็ดที่ด้านซ้าย
และมีกระเป๋าปะอยู่ด้านหน้า

ฉันไปเดินตลาด หาซื้อกับข้าวอย่างสบายอารมณ์
ผู้คนพลุกพล่าน ด้วยเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด
บางช่วง  โดยเฉพาะแถบที่ขายอาหารสำเร็จรูป  คนแน่นขนัด

พลัน !  มือฉันป่ายไปถูกกระดุมที่หัวไหล่ขวา

ความเคยชินบวกความจำ
เพราะเป็นเสื้อตัวเก่ง ใส่บ่อย
รำลึกได้ว่ากระดุมเสื้อมันเคยอยู่ข้างซ้ายนี่นา

หัวสมองบวกลบคูณหารอย่างรวดเร็ว
รู้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร....

แม่เจ้าประคุณเอ๋ย
ที่เคยเดินทอดน่องอย่างสบายอารมณ์ ก็เป็นอันก้าวขาแทบไม่ออก
เดิืนไม่ได้ขึ้นมาในทันที
รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า และร้อนไปทั้งตัว

ฉันรีบจ้ำออกมาจากขบวนคนพลุกพล่าน
หมดอารมณ์ที่จะเดินซื้อหาของอีกต่อไป

ไอ้ที่เดินเบียด ๆ กันอยู่เมื่อกี้
จะมีคนสังเกตเห็นบ้างไหมหนอ

ก็ไอ้เจ้ากระเป๋า ที่ปกติมันควรจะปะอยู่ที่อกข้างซ้าย
กลับมาย้ายไปอยู่ข้างขวา
แต่ดันเป็นข้างหลังไปเสียน่ะสิ  ที่ทำให้เกิดเรื่อง
บ้าชะมัดเลย

ถึงบ้าน ผีความอาย (ผสมความโกรธตัวเองเล็กน้อย) ยังไม่หนีไปไหน
ฉันจัดการเลาะเจ้ากระเป๋าใบนั้นออกทันที

ถ้าไม่มีกระเป๋าก็ยังพอทำเนียน ๆ
กลับหน้าเป็นหลัง กลับหลังเป็นหน้าได้อยู่นะ
นึกกระหยิ่มอยู่ในใจ

อ้าว..เอ๊ะ...เผื่อว่าจะชุ่ยอีกครั้งหรือไงนี่

นี่ไงที่เรียกว่าชุ่ยไม่เสร็จ
เป็นอย่างนี้นี่เอง





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น