วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556

1 บาท




พูดถึงเงิน 1 บาทเดี๋ยวนี้แทบไม่มีความหมาย
ให้ลูกไปโรงเรียน มันต้องลงไปนอนดิ้นที่พื้นแน่

ให้ขอทาน ยังถูกขอทานมองหน้า จนคนให้ต้องหลบตา

กลัวโดนด่าหรือโดนตบแบบเรื่องเล่าสนุก ๆ เกี่ยวกับโจรปล้นทอง
ที่กลับมาตบหน้าคนถูกปล้น  โทษฐานที่ใส่ทองเก๊  จนโจรต้องเหนื่อยเปล่า

แต่เมื่อหลายปีก่อน  ค่าของเงิน 1 บาทต้องมากกว่าเดี๋ยวนี้แน่
แต่ก็ไม่ได้มากไปกว่าราคาน้ำแข็งเปล่าในร้านก๋วยเตี๋ยว สักแก้วหรือ 2 แก้ว

ฉันกับพี่พร - พี่สาวร่วมโลก ร่วมอุดมการณ์
สมัยที่เรายังทำงานเกี่ยวข้องกับชาวเขา  ยังขับรถไม่เป็นทั้งคู่
และยังอาศัยอยู่ในบ้านพักของหน่วยงานที่เราทำงานอยู่

จะไปไหนที่ไม่ไกลมาก ก็มักอาศัยยืมจักรยานของคนแถวนั้นขี่ไป

วันนั้น รถจักรยาน (คนทางเหนือเรียกรถถีบ) ที่ยืมเขามาถีบเกิดยางรั่ว  ด้วยสาเหตุอันใดไม่ทราบ
ถามไถ่คนละแวกนั้นถึงร้านซ่อมรถ ก็มีผู้ใจดีอธิบายเส้นทางให้เรา

ในที่สุดเราก็จูงรถไปหาร้านซ่อมนั้นจนพบ
แต่ไม่ได้เป็นร้านอย่างที่เรานึกภาพอยู่ในใจหรอก  เพราะต้องเข้าซอยไปนิดหน่อย
ที่คิดว่าจะเป็นร้านก็กลับเป็นใต้ถุนบ้านของบ้านไม้แบบโบราณ ใต้ถุนสูง หลังย่อม ๆ

ตามเสาไม้ ใต้ถุนบ้าน  มียางรถทั้งยางนอก ยางใน ทั้งใหม่และเก่า
ห้อยตะปูอยู่ระโยงระยาง  แบบที่เห็นตามร้านซ่อมทั่ว ๆ ไป
ที่พื้นมีกล่องอุปกรณ์วางระเกะระกะข้างที่สูบลม   กาละมังใส่น้ำ

ช่างซ่อมเป็นชายสูงอายุ คงเป็นเจ้าของบ้าน
บอกให้เรานั่งรอที่แคร่ไม้ไผ่ด้านข้าง หลังจากเราบอกอาการของรถ

ในระหว่างรอช่างปะยาง  เราสองคนนั่งคุยกันด้วยเรื่องราวสัพเพเหระ
น่าจะราวครึ่งชั่วโมง  รถถีบของเรา-ที่ยืมเขามา ก็ซ่อมเสร็จ

ฉันจำไม่ได้แล้วว่าได้ถามไถ่ลุงช่างซ่อม ถึงสาเหตุของการรั่ว
หรืออาการอื่น ๆ ของรถด้วยหรือเปล่า

แต่ที่จำได้แม่นยำมาจนถึงทุกวันนี้ก็คือ  ราคาค่าซ่อมรถในวันนั้นคือ 1 บาท !

เงิน 1 บาท ที่ฉันหรือพี่พรไม่รู้เป็นคนจ่ายไป ด้วยความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก
กึ่งปีติ  กึ่งขำ  กึ่งสงสาร

" 1 บาท !"  เราพากันหัวเราะเสียงดัง (ลับหลังลุง) เมื่อจูงรถมาถึงหน้าซอย
เป็นอาการหัวเราะแบบทึ่ง ๆ  คิดไม่ถึง  น่านับถือ  อธิบายไม่ถูก  อะไรประมาณนั้น

ฉันย้อนคิดถึงเรื่องนี้ ในวันที่ค่าเงินบาทลอยตัว
ข้าวของแพงวินาศสันตะโรอย่างน่าตกใจ
จนบางครั้งรู้สึกเหมือนว่าผู้คนพากันฉกฉวยโอกาส ซ้ำเติมกันและกัน
มีข้ออ้างซัดต่อกันเป็นทอด ๆ ที่จะขึ้นราคา  โดยไม่มีใครยอมลดราวาศอก
เป็นสังคมแบบ"ฟัน"  ที่คนอ่อนแอยากที่จะอยู่รอด

ยุคที่ยากจะหาร้านก๋วยเตี๋ยวที่ให้น้ำแข็งเปล่ากินฟรีอีกต่อไป
ร้านไหนให้น้ำเปล่ากินฟรี ก็จะรู้สึกเป็นบุญคุณอย่างยิ่งไปเสียแล้ว

เงิน 1 บาท
แม้ไม่อาจสรุปได้ว่าเกี่ยวข้องกับจิตใจคนในแต่ละยุคได้อย่างไร

แต่อย่างน้อยก็ทำให้ฉันหวนคิดถึงอดีตในมุมเล็ก ๆ ครั้งนั้นด้วยความสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น