วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ความตายพรากเราจากกันไกล








ปี 2555  น่าจะเป็นปีที่ได้หัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างมีความสุข
ตามสัญญลักษณ์เลข 5 ที่คนไทยเอามาใช้แทนเสียงหัวเราะ

แต่กลับเป็นปีแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของฉัน

ฉันสูญเสียคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิตไปถึงสองคน
ในเวลาห่างกันเพียงวันเดียว

คนหนึ่งเปรียบเหมือนแม่คนที่สอง
เป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ในชีวิต

อีกคนเป็นพี่สาวร่วมโลก  แม้ไม่ได้ร่วมสายเลือด
แต่ก็สนิทชิดเชื้อ รู้จักรู้ใจกันมายาวนานเกินกว่า 3 ทศวรรษ

ความตายพรากเราจากกันไกล
ทั้งที่ทำใจไว้ มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ตั้งแต่ครั้งรู้ข่าวว่าทั้งคู่ล้มป่วย

เรานั่งอยู่หน้าห้องไอซียู รอเข้าเยี่ยมวันละสองรอบ
วันแล้ววันเล่า...
เป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัด ทรมาน

ใจของเราเล่นเอาล่อเอาเถิดกับความตายอย่างเหน็ดเหนื่อย
ต่อรองและแม้กระทั่งติดสินบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เหมือนเล่นเกม ที่ผลัดกันแพ้ชนะกับโชคชะตาเป็นรายวัน
อยู่ยาวนานหลายเดือน..

วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555   พี่สาวจากไปตอนตีสอง
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2555  น้าจากไปตอนสองทุ่ม

เหตุการณ์เกิดขึ้นตรงหน้า ทุบหัวที่มึนงงให้แกว่งไปมา
ด้วยภาระหน้าที่มากมาย ที่ต้องจัดการต่อไป

เวลาผ่านไปแล้ว 1 ปีเต็ม...

ฉันพยายามเปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำ
แต่พบว่าทุกอย่างยังคงผูกปม
พันกันยุ่งเหมือนเส้นด้ายอยู่ในนั้น
บางอย่างยากต่อการคลี่คลาย
และอาจต้องใช้เวลาทั้งหมดของชีวิต
กว่าจะเข้าใจทุกสิ่งได้ถี่ถ้วน

น้าจากไปแบบที่เจ้าตัวไม่คาดคิดว่าจะเป็นการป่วยครั้งสุดท้าย
จึงไม่ได้จัดการเรื่องใดๆทั้งสิ้น
ทิ้งปัญหามหึมาไว้ให้ผู้เกี่ยวข้องสะสาง

ท่ามกลางฝุ่นตลบของปัญหา
เราได้เห็นความเป็นมนุษย์ในแง่มุมที่ชัดเจนขึ้น

ตัวละครหลากหลายใบหน้า เปลี่ยนกันมาเข้าฉาก
ละครชีวิตฉากหนึ่งจบลง  ในขณะที่อีกฉากหนึ่งกำลังเริ่มต้น






ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพาน
ลอยมาเข้าหัวสมองของฉันตลอดเวลา
กระจ่างแจ้ง ชัดเจน ลึกเข้าไปในหัวใจ
กระทั่งทุกวันนี้..


"ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"







วันศุกร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ไผ่





บ้านเราปลูกไผ่หลากหลายพันธุ์
ตั้งชื่อเองว่าสวนไผ่เพียงดิน

ตอนที่ปู่ยังอยู่ เมื่อเห็นลูกหัวแข็ง ดื้อด้าน ดันทุรังจะปลูกต้นไผ่ในบ้านให้ได้
ปู่รีบถีบจักรยานจากสวนปู่ เพื่อมาบอกเคล็ดลับบางประการ
เพราะรู้ว่าห้ามมันไม่ได้แล้ว

เคล็ดของปู่คือ ตอนที่ขุดหลุมเตรียมปลูกไผ่
ให้หาก้อนหินมาก้อนหนึ่ง ใส่ลงไปที่ก้นหลุม ก่อนจะเอาไผ่ลงตาม
แล้วอธิษฐานว่า..
ตราบใดที่หินก้อนนี้ยังไม่แตกสลายกลายเป็นดิน
ก็ขอให้ผู้ปลูกมีอายุยืนยาวดั่งต้นไผ่...

ดังนั้นใครอยากอายุยืนมากก็หาหินก้อนใหญ่หน่อยก็แล้วกัน

คนโบราณไม่ชอบให้ปลูกไผ่ในบ้านด้วยเหตุผลหลายประการ

เพราะไผ่เป็นไม้ใหญ่ กอใหญ่
ย่อมแผ่ขยายรากไปรบกวนบ้านช่อง
ลำที่สูงยาวก็อาจจะโค่นโน้มลงเกะกะระราน

ส่วนใบเหลืองที่ร่วงหล่นจนเกือบหมดต้นในช่วงฤดูแล้ง
ก็เป็นเชื้อไฟอย่างดี




อีกเหตุผลหนึ่งที่ไม่อยากให้ปลูกก็คือ
ไผ่มีอายุขัย

เมื่อถึงเวลาหมดอายุขัย ก็จะออกดอกสะพรั่งต้น
จากนั้นไม่นาน ไผ่ก็จะตายยกกอ

น่าใจหายนะ   หากไผ่ทั้งสวนของเราถึงอายุขัยพร้อมกัน
ชวนกันออกดอกสั่งลา
แล้วพากันแห้งเฉาไปทั้งสวน ทั้งบ้าน

แค่คิดก็ใจหายวาบ ๆ

แล้วคนก็จะเชื่อมโยงความตายนี้ไปถึงเจ้าของ
ตีความรหัสนัยแห่งธรรมชาติ ยึดโยงกับคนปลูก

อดคิดถึงวันเก่าๆนั้นขึ้นมาไม่ได้
ปู่กลัวลูกหัวดื้อมีอันเป็นไป  จึงรีบถีบรถเข้ามาหา
ทั้งที่ตอนนั้นปู่ไม่ค่อยแข็งแรงแล้ว
หลายครั้งที่ปู่ขี่รถไป ล้มไป เพราะแข้งขาอ่อน ไม่มีเรี่ยวแรง

ผ่านมาแล้ว 20 ปี พร้อมกับการจากไปของปู่
ไผ่บางกอเคยออกดอก  แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่

เจ้าของพยายามยื้อชีวิตไผ่กอนี้ด้วยเทคนิคบางอย่าง
คือตัดลำไผ่ลงให้หมด เหลือตอสูงจากพื้นไม่มาก
จากนั้นก็กระหน่ำให้ปุ๋ยยูเรีย
ไม่นานไผ่ก็แทงหน่อ แตกยอดขึ้นมาให้ชื่นใจ

วิธีนี้ยื้อชีวิตไผ่กอนี้มาได้อีก 10 ปีทีเดียว
แต่ในที่สุดเขาก็จากไปอยู่ดี เพราะหมดอายุขัย

เมื่อรู้ว่าจะต้องจากไปแน่ ๆ แล้ว
ก็ทิ้งดอกลงสู่ดิน

รอน้ำฝน น้ำฟ้ามาชุบชูชีวิตใหม่
ก่อเกิดไผ่ต้นน้อยมากมาย ภายใต้ต้นแม่
เป็นตัวตายตัวแทน
ที่ทำให้โลกนี้ยังคงมีต้นไผ่

ธรรมชาติวางแผนของเขามาดีแล้ว

มนุษย์ต่างหากที่ยังต้องเรียนรู้อีกยาวไกล