วันพุธที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2556

ปิดตำนานสุภาพบุรุษบ้านไร่






ไอ้แจ้ตายเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธุ์
อากาศยังคงหนาวเย็นในช่วงเช้า
รวมเวลาที่มันอยู่กับเรานานร่วม 3 ปี

ไอ้แจ้นอนตายอยู่ข้าง ๆ บันไดนอกชานหน้าบ้าน
ขาตะปุ่มตะป่ำขนาดใหญ่อย่างนี้มีมันเพียงตัวเดียว
รุ่นลูกรุ่นหลานของมัน กี่ตัว ๆ ก็ไม่มีตัวไหนเหมือน
เป็นอันจบตำนานของจ่าฝูง หรือพ่อเล้าแห่งบ้านไร่ รุ่นบุกเบิกของเรา

พ่อบ้านฝังร่างของไอ้แจ้ไว้ที่โคนต้นตะแบก ในสวนหน้าบ้าน
ยายสวดมนตร์ส่งวิญญาณ บอกไอ้แจ้ให้ไปสู่สุคติ
ทุกคนรู้สึกเศร้า...
ความผูกพันมักนำพาเราไปสู่ความเศร้าและความเจ็บปวดเสมอ

หลังจากไอ้แจ้ตายราว 5-6 เดือน นังยุ่นก็จากเราไปอีกตัว

ก่อนที่จะรู้ว่ามันจากเราไปแน่แล้ว
นังยุ่นหายหน้าหายตาไปหลายวัน จนทุกคนพากันบ่นถึง

กระทั่งวันหนึ่ง เมื่อพ่อบ้านเข้าไปฟันต้นไม้ในสวน
เขาได้พบชิ้นส่วนท่อนล่างของไก่ตัวหนึ่ง แถวดงกล้วยหน้าบ้าน
ทุกคนมั่นใจว่าเป็นนังยุ่น
เพราะชิ้นส่วนที่เหลืออยู่คือท่อนขาสั้น ๆ
ที่มีขนสีขาวปุกปุย ปกคลุมอยู่ที่ข้อเท้า

น่าเศร้าที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นมันอย่างครบสมบูรณ์ในวันสุดท้าย

พ่อบ้านฝังชิ้นส่วนที่เหลือของนังยุ่นไว้ใกล้ ๆ กับที่ฝังไอ้แจ้
โคนตะแบกต้นนี้จึงเป็นอนุสรณ์สถาน ให้เราได้คิดถึงพวกมัน
สัตว์ร่วมบ้าน ร่วมโลก ตัวเล็ก ๆ ในชีวิตช่วงหนึ่งของเรา

ส่วนนังบ้านนอก  วีรสตรีไก่ หรือแม่ไก่ดีเด่นของเรานั้น
เรายกคืนให้คนงาน คนที่เอามันมาให้
ให้ไปพร้อมลูก ๆ หลาน ๆ ของมันอีกหลายสิืบตัว
จะมีชะตาชีวิตเป็นอย่างไร ก็แล้วแต่เจ้าของเดิมจะนำพา

เมื่อพ้นไก่พ่อเล้า แม่เล้า รุ่นบุกเบิกนี้แล้ว
เราก็แทบจะไม่สนใจไยดีไก่รุ่นหลัง ๆ ที่เหลือน้อยลงเกินครึ่ง
ทั้งจากการยกให้คนอื่นไปฟรี ๆ และจากการไล่ล่าของบรรดาแมวเร่ร่อน
ที่มาปักหลักอยู่บ้านเราอย่างถาวร

ไม่มีไก่ตัวไหนโดดเด่นอยู่ในใจเราเหมือนรุ่นแรก ๆ
ไม่มีความทรงจำพิเศษใด ๆ เหมือนรุ่นไอ้แจ้ สุภาพบุรุษบ้านไร่
นังขาว นังยุ่น หรือนังบ้านนอก

ไก่แม่ไหนฟักลูกออกมา ก็จะถูกจับยกฝูงแจกจ่ายไป 
ฝูงแล้วฝูงเล่า

กระทั่งถึงฝูงสุดท้าย ที่เกิดจากแม่ไก่สีน้ำตาลขาว
แม่ไก่และลูกเจี๊ยบน่ารักทั้ง 11 ตัว
ถูกจับให้คนข้างบ้านไปเช่นเคย

ยังเหลือก็แต่ทายาทของไอ้แจ้ - ไก่ตัวผู้อีกเพียงตัวเดียว
เพราะจับไม่ได้ ไล่ไม่ทัน
เราไม่รู้จะเรียกชื่อมันว่าอะไร
ไป ๆ มา ๆ จึงเรียกว่า "ไอ้แจ้" เหมือนบรรพบุรุษของมันนั่นเอง
เพราะสีขนของมันถอดแบบออกมาจากไอ้แจ้บรรพบุรุษเกือบจะโดยสิ้นเชิง
ต่างกันแต่ที่ขาไม่มีก้อนตะปุ่มตะป่ำเหมือนแจ้เฒ่า

ไอ้แจ้จูเนียร์จึงต้องกลายเป็นไก่กำพร้า
โดดเดี่ยวและเดียวดาย หลังจากถูกพรากลูกพรากเมียไปหมดฝูง
นี่ถ้ามันรู้ความ ยอมให้เราจับเสียดี ๆ
มันก็คงได้ไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวแล้ว

เมื่อต้องเป็นไก่กำพร้า ไอ้แจ้ก็ดูน่าสงสาร
เหมือนสมัยที่ปู่แจ้ หรือตาแจ้ หรือว่าทวดแจ้ก็ไม่รู้ ของมันยังเป็นหนุ่มไม่มีผิด

มันจะบินสูงขึ้นไปอยู่บนยอดไม้
ต้องแหงนคอมองหากันเลยทีเดียว
ท่าทางของมันหงอยเหงาเศร้าซึม และไม่ค่อยส่งเสียงขัน
ผิดวิสัยไก่ตัวผู้ทั่ว ๆ ไป
นอกจากนั้นยังดูไม่มีกะจิตกะใจจะไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเอาเสียเลย

อาการหงอยเหงาของแจ้จูเนียร์ ทำให้เรารู้สึกเวทนา
เราพยายามไล่จับมันอีกหลายครั้ง แต่ก็จับไม่ได้

ดูเหมือนเคราะห์กรรมของไอ้แจ้จูเนียร์จะยังไม่หมด
เมื่อมีคนสังเกตเห็นว่ามันมักเดินเอียงตัว เอียงคอ  อยู่เสมอ
แต่ก็ยังไล่จับมันไม่ได้อยู่ดี

ในที่สุดเราก็รู้สาเหตุ.. ว่าเป็นเพราะตาของมันบอดไป 1 ข้าง
มันจึงต้องเดินตัวเอียงอย่างนั้น
ตาข้างที่บอด มองเห็นเนื้อเยื่อสีขาวขุ่นปิดอยู่ทั้งหมด

แจ้จูเนียร์ตาบอดด้วยสาเหตุใดไม่มีใครรู้
อาจจะเกิดจากการจิกตีกันเองก่อนหน้านี้
หรืออาจจะถูกงูฉกตาก็เป็นได้
แจ้จูเนียร์จึงกลายเป็นทั้งไก่กำพร้าและไก่พิการตั้งแต่บัดนั้น

พ่อบ้านบอกว่าไม่ต้องยกมันให้ใครอีกแล้ว
ไก่พิการอย่างนี้คงไม่มีใครอยากได้หรอก
เราก็เลี้ยงมันไปอย่างนี้แหละ  จนกว่าจะตายจากกันไป...

แจ้จูเนียร์จึงเป็นไก่ตัวสุดท้ายของเรา
ที่ทำหน้าที่บันทึกความทรงจำให้แก่ครอบครัวไก่บ้านไร่
เช่นเดียวกับที่ไก่เทียดทวด
ปู่ย่าตายายของมันได้ทำหน้าที่นั้นมาแล้ว...




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น