บ้านเราเคยเลี้ยงกระต่ายฝูงใหญ่
กระต่ายคู่แรกของบ้านไร่ ได้มาจากป้าลดา คนคุ้นเคย
ซึ่งอยากเลี้ยง ลองซื้อมาเลี้ยง แล้วเลี้ยงไม่ไหว
ซึ่งอยากเลี้ยง ลองซื้อมาเลี้ยง แล้วเลี้ยงไม่ไหว
ตอนที่ป้าลดาเอามาให้นั้น กระต่ายคู่นี้อยู่ในกรงเล็ก ๆ ที่เป็นกรงนก
ครั้งแรก เราให้มันอยู่ในคอกไม้ ที่เดิมเคยเป็นคอกเลี้ยงหมา
ซึ่งกว้างใหญ่กว่ากรงเดิมของมันมาก
หลังจากนั้นไม่นาน กระต่ายพ่อแม่สีเทาและสีขาวคู่นั้นก็แพร่ลูกแพร่หลาน
เร็วพอ ๆ กับไก่แจ้เลยทีเดียว
กระต่ายเป็นสัตว์น่ารัก ตาสีแดงใส
พ่อบ้านสอนวิธีจับกระต่ายให้เด็กสองคน
โดยให้รวบหูสองข้างแล้วยกขึ้น
เราช่วยกันสร้างกระท่อมน้อยให้พวกมันอยู่
หลังจากสมาชิกเริ่มขยายวง จนเต็มคอกแคบ ๆ หลังเดิม
กระท่อมกระต่ายสร้างด้วยไม้ไผ่สานขัดแตะ
กว้างยาวราว 3 X 3 เมตร คนก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ
กระท่อมน้อยมุงหลังคาด้วยหญ้าคาเพียงครึ่งเดียว
ส่วนที่ไม่ได้มุง เอาไว้ให้กระต่ายชมจันทร์
วันไหนพระจันทร์เต็มดวง
เจ้ากระต่ายจะยืนสองขา ชะเง้อดูพระจันทร์กันจริง ๆ จัง ๆ
ไม่เฉพาะแต่กระต่ายหรอก
เราเองก็ชอบมองพระจันทร์ โดยเฉพาะพระจันทร์วันเพ็ญ
ที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างประหลาด
จิตใจเราจะสงบเย็น รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข
พระจันทร์จึงเป็นสัญญลักษณ์ของความนุ่มนวล อ่อนโยนและเป็นมิตร
เป็นดาวเคราะห์ที่ทรงอิทธิพล ที่ทางโหราศาสตร์เองก็ถือว่าสำคัญอย่างที่สุด
แรกเริ่มเดิมที เราตั้งใจจะเลี้ยงกระต่ายแบบปล่อย
เพราะหญ้าบ้านเรารกมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน
เราคาดหวังให้กระต่ายมาช่วยกำจัดความรกให้ แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้
เพราะมักมีหมานิรนามหลายตัว เร่ร่อนผลัดเปลี่ยนกันมุดรั้วเข้าออกบ้านเราเป็นว่าเล่น
ถ้าพวกมันได้ลองกินเนื้อกระต่ายกันสักครั้ง ก็จะต้องติดใจเป็นแน่
เราจึงต้องระงับโครงการในฝันนี้ลง
หันมาสร้างกระท่อมให้พวกมันอยู่ในที่สุด
อาหารของกระต่ายก็คือหญ้าเขียว ๆ
ที่บ้านเรามีอย่างอุดมสมบูรณ์
การเลี้ยงกระต่ายมีข้อดีอยู่อย่าง
คือความเงียบ
กระต่ายไม่เอะอะโวยวาย เซ็งแซ่ เหมือนพวกไก่ หรือพวกเป็ด
ไม่เห่าหอน กัดกันเหมือนพวกหมา
อยู่กันเงียบ ๆ งุงิ ๆ แบบกระต่าย
แต่ความเงียบนี้เอง
บางครั้งกลับนำความหายนะมาให้อย่างใหญ่หลวง..
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน
น่าจะเป็นเดือนมีนาคม เพราะต้่นไผ่เพิ่งผลิใบอ่อนเล็ก ๆ
หลังจากทิ้งใบมาตลอดฤดูหนาว
พ่อบ้านมองดูต้นไผ่ที่กำลังแตกใบอ่อนแล้วก็บ่นงึมงำ
ด้วยความเป็นห่วง เพราะความร้อนแล้ง
กระทั่งถึงตอนบ่าย อากาศร้อนอบอ้าวกดดันเราอยู่รอบตัว
บรรยากาศเหมือนกำลังจะมีพายุลูกใหญ่
ปกติพ่อบ้านจะเปิดน้ำรดต้นไผ่ให้เป็นแบบน้ำหยด
หรือไม่ก็เปิดก๊อกเบา ๆ ให้น้ำค่อย ๆ ไหลทีละน้อย
วันนั้นเขาเปิดน้ำตั้งแต่ตอนสาย ตอนที่บ่นงึมงำเป็นห่วงต้นไผ่
เป็นเวลาเนิ่นนาน...หลายชั่วโมง
กว่าจะนึกขึ้นได้ น้ำจากสายยางที่จ่อไว้ในกอไผ่ ก็เจิ่งนองไปทั่วสวน
และเริ่มไหลลงไปที่กระท่อมของกระต่าย
ลำพังน้ำนองที่พื้นคงไม่กระไรนัก
แต่ช่วงนั้นพวกเราไม่มีใครรู้เลยสักคน
ว่าแม่กระต่ายได้ขุดดินเป็นโพรงลึกลงไป
เพื่อจะซ่อนลูกน้อยของเธอไว้ในโพรงนั้น
เมื่อไปพบก็สายเสียแล้ว...
พ่อบ้านเอามือล้วงเข้าไปในโพรงที่ลึกเกือบฟุต
ลูกกระต่ายเพิ่งเกิดใหม่ ตัวน้อยนิด 9 ตัว จมน้ำ้ตาย ไม่มีรอดเลย
วันรุ่งขึ้น เรายกกระต่ายทั้งคอก ร่วม 40 ตัว ให้เพื่อนบ้านไปทั้งหมด
เราเลิกเลี้ยงกระต่ายตั้งแต่วันนั้น
และไม่เคยคิดจะเลี้ยงอีกเลย..
ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้ความเงียบเป็นผู้ครอบครอง
ทุกคนในบ้านคงรู้สึกเหมือนกัน
ว่าความเศร้าได้แผ่ขยาย ครอบคลุมโลกเราไว้จนมิด
เพราะหญ้าบ้านเรารกมาก โดยเฉพาะในฤดูฝน
เราคาดหวังให้กระต่ายมาช่วยกำจัดความรกให้ แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้
เพราะมักมีหมานิรนามหลายตัว เร่ร่อนผลัดเปลี่ยนกันมุดรั้วเข้าออกบ้านเราเป็นว่าเล่น
ถ้าพวกมันได้ลองกินเนื้อกระต่ายกันสักครั้ง ก็จะต้องติดใจเป็นแน่
เราจึงต้องระงับโครงการในฝันนี้ลง
หันมาสร้างกระท่อมให้พวกมันอยู่ในที่สุด
อาหารของกระต่ายก็คือหญ้าเขียว ๆ
ที่บ้านเรามีอย่างอุดมสมบูรณ์
การเลี้ยงกระต่ายมีข้อดีอยู่อย่าง
คือความเงียบ
กระต่ายไม่เอะอะโวยวาย เซ็งแซ่ เหมือนพวกไก่ หรือพวกเป็ด
ไม่เห่าหอน กัดกันเหมือนพวกหมา
อยู่กันเงียบ ๆ งุงิ ๆ แบบกระต่าย
แต่ความเงียบนี้เอง
บางครั้งกลับนำความหายนะมาให้อย่างใหญ่หลวง..
วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน
น่าจะเป็นเดือนมีนาคม เพราะต้่นไผ่เพิ่งผลิใบอ่อนเล็ก ๆ
หลังจากทิ้งใบมาตลอดฤดูหนาว
พ่อบ้านมองดูต้นไผ่ที่กำลังแตกใบอ่อนแล้วก็บ่นงึมงำ
ด้วยความเป็นห่วง เพราะความร้อนแล้ง
กระทั่งถึงตอนบ่าย อากาศร้อนอบอ้าวกดดันเราอยู่รอบตัว
บรรยากาศเหมือนกำลังจะมีพายุลูกใหญ่
ปกติพ่อบ้านจะเปิดน้ำรดต้นไผ่ให้เป็นแบบน้ำหยด
หรือไม่ก็เปิดก๊อกเบา ๆ ให้น้ำค่อย ๆ ไหลทีละน้อย
วันนั้นเขาเปิดน้ำตั้งแต่ตอนสาย ตอนที่บ่นงึมงำเป็นห่วงต้นไผ่
เป็นเวลาเนิ่นนาน...หลายชั่วโมง
กว่าจะนึกขึ้นได้ น้ำจากสายยางที่จ่อไว้ในกอไผ่ ก็เจิ่งนองไปทั่วสวน
และเริ่มไหลลงไปที่กระท่อมของกระต่าย
ลำพังน้ำนองที่พื้นคงไม่กระไรนัก
แต่ช่วงนั้นพวกเราไม่มีใครรู้เลยสักคน
ว่าแม่กระต่ายได้ขุดดินเป็นโพรงลึกลงไป
เพื่อจะซ่อนลูกน้อยของเธอไว้ในโพรงนั้น
เมื่อไปพบก็สายเสียแล้ว...
พ่อบ้านเอามือล้วงเข้าไปในโพรงที่ลึกเกือบฟุต
ลูกกระต่ายเพิ่งเกิดใหม่ ตัวน้อยนิด 9 ตัว จมน้ำ้ตาย ไม่มีรอดเลย
วันรุ่งขึ้น เรายกกระต่ายทั้งคอก ร่วม 40 ตัว ให้เพื่อนบ้านไปทั้งหมด
เราเลิกเลี้ยงกระต่ายตั้งแต่วันนั้น
และไม่เคยคิดจะเลี้ยงอีกเลย..
ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้ความเงียบเป็นผู้ครอบครอง
ทุกคนในบ้านคงรู้สึกเหมือนกัน
ว่าความเศร้าได้แผ่ขยาย ครอบคลุมโลกเราไว้จนมิด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น