วันอังคารที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556

กระต่ายชมจันทร์ - วันเดือนดับ





บ้านเราเคยเลี้ยงกระต่ายฝูงใหญ่
กระต่ายคู่แรกของบ้านไร่ ได้มาจากป้าลดา คนคุ้นเคย
ซึ่งอยากเลี้ยง ลองซื้อมาเลี้ยง แล้วเลี้ยงไม่ไหว
ตอนที่ป้าลดาเอามาให้นั้น กระต่ายคู่นี้อยู่ในกรงเล็ก ๆ ที่เป็นกรงนก

ครั้งแรก เราให้มันอยู่ในคอกไม้ ที่เดิมเคยเป็นคอกเลี้ยงหมา 
ซึ่งกว้างใหญ่กว่ากรงเดิมของมันมาก

หลังจากนั้นไม่นาน กระต่ายพ่อแม่สีเทาและสีขาวคู่นั้นก็แพร่ลูกแพร่หลาน
เร็วพอ ๆ กับไก่แจ้เลยทีเดียว

กระต่ายเป็นสัตว์น่ารัก  ตาสีแดงใส
พ่อบ้านสอนวิธีจับกระต่ายให้เด็กสองคน 
โดยให้รวบหูสองข้างแล้วยกขึ้น

เราช่วยกันสร้างกระท่อมน้อยให้พวกมันอยู่
หลังจากสมาชิกเริ่มขยายวง จนเต็มคอกแคบ ๆ หลังเดิม

กระท่อมกระต่ายสร้างด้วยไม้ไผ่สานขัดแตะ
กว้างยาวราว 3 X 3 เมตร  คนก็ยังอยู่ได้สบาย ๆ
กระท่อมน้อยมุงหลังคาด้วยหญ้าคาเพียงครึ่งเดียว
ส่วนที่ไม่ได้มุง เอาไว้ให้กระต่ายชมจันทร์

วันไหนพระจันทร์เต็มดวง
เจ้ากระต่ายจะยืนสองขา ชะเง้อดูพระจันทร์กันจริง ๆ จัง ๆ

ไม่เฉพาะแต่กระต่ายหรอก
เราเองก็ชอบมองพระจันทร์ โดยเฉพาะพระจันทร์วันเพ็ญ
ที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกอย่างประหลาด
จิตใจเราจะสงบเย็น รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุข

พระจันทร์จึงเป็นสัญญลักษณ์ของความนุ่มนวล อ่อนโยนและเป็นมิตร
เป็นดาวเคราะห์ที่ทรงอิทธิพล ที่ทางโหราศาสตร์เองก็ถือว่าสำคัญอย่างที่สุด

แรกเริ่มเดิมที เราตั้งใจจะเลี้ยงกระต่ายแบบปล่อย
เพราะหญ้าบ้านเรารกมาก  โดยเฉพาะในฤดูฝน
เราคาดหวังให้กระต่ายมาช่วยกำจัดความรกให้ แต่เอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้
เพราะมักมีหมานิรนามหลายตัว เร่ร่อนผลัดเปลี่ยนกันมุดรั้วเข้าออกบ้านเราเป็นว่าเล่น
ถ้าพวกมันได้ลองกินเนื้อกระต่ายกันสักครั้ง ก็จะต้องติดใจเป็นแน่
เราจึงต้องระงับโครงการในฝันนี้ลง
หันมาสร้างกระท่อมให้พวกมันอยู่ในที่สุด

อาหารของกระต่ายก็คือหญ้าเขียว ๆ
ที่บ้านเรามีอย่างอุดมสมบูรณ์

การเลี้ยงกระต่ายมีข้อดีอยู่อย่าง
คือความเงียบ
กระต่ายไม่เอะอะโวยวาย เซ็งแซ่ เหมือนพวกไก่ หรือพวกเป็ด
ไม่เห่าหอน กัดกันเหมือนพวกหมา
อยู่กันเงียบ ๆ  งุงิ ๆ แบบกระต่าย

แต่ความเงียบนี้เอง
บางครั้งกลับนำความหายนะมาให้อย่างใหญ่หลวง..

วันนั้นเป็นวันอาทิตย์  อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน
น่าจะเป็นเดือนมีนาคม เพราะต้่นไผ่เพิ่งผลิใบอ่อนเล็ก ๆ
หลังจากทิ้งใบมาตลอดฤดูหนาว

พ่อบ้านมองดูต้นไผ่ที่กำลังแตกใบอ่อนแล้วก็บ่นงึมงำ
ด้วยความเป็นห่วง เพราะความร้อนแล้ง

กระทั่งถึงตอนบ่าย  อากาศร้อนอบอ้าวกดดันเราอยู่รอบตัว
บรรยากาศเหมือนกำลังจะมีพายุลูกใหญ่

ปกติพ่อบ้านจะเปิดน้ำรดต้นไผ่ให้เป็นแบบน้ำหยด
หรือไม่ก็เปิดก๊อกเบา ๆ ให้น้ำค่อย ๆ ไหลทีละน้อย
วันนั้นเขาเปิดน้ำตั้งแต่ตอนสาย ตอนที่บ่นงึมงำเป็นห่วงต้นไผ่
เป็นเวลาเนิ่นนาน...หลายชั่วโมง

กว่าจะนึกขึ้นได้ น้ำจากสายยางที่จ่อไว้ในกอไผ่ ก็เจิ่งนองไปทั่วสวน
และเริ่มไหลลงไปที่กระท่อมของกระต่าย

ลำพังน้ำนองที่พื้นคงไม่กระไรนัก
แต่ช่วงนั้นพวกเราไม่มีใครรู้เลยสักคน
ว่าแม่กระต่ายได้ขุดดินเป็นโพรงลึกลงไป
เพื่อจะซ่อนลูกน้อยของเธอไว้ในโพรงนั้น

เมื่อไปพบก็สายเสียแล้ว...
พ่อบ้านเอามือล้วงเข้าไปในโพรงที่ลึกเกือบฟุต
ลูกกระต่ายเพิ่งเกิดใหม่ ตัวน้อยนิด 9 ตัว จมน้ำ้ตาย ไม่มีรอดเลย


วันรุ่งขึ้น เรายกกระต่ายทั้งคอก ร่วม 40 ตัว ให้เพื่อนบ้านไปทั้งหมด
เราเลิกเลี้ยงกระต่ายตั้งแต่วันนั้น
และไม่เคยคิดจะเลี้ยงอีกเลย..

ไม่มีใครพูดอะไร ปล่อยให้ความเงียบเป็นผู้ครอบครอง
ทุกคนในบ้านคงรู้สึกเหมือนกัน
ว่าความเศร้าได้แผ่ขยาย ครอบคลุมโลกเราไว้จนมิด










ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น