ลุงลาวเป็นฝรั่งเยอรมันวัยปลาย ชื่อเสียงเรียงนามจริง ๆ ว่าอะไรอย่าไปอยากรู้แกเลย
เราเองบางครั้งยังนึกชื่อแกอยู่ตั้งนานกว่าจะนึกออก
จึงเรียกกันว่าลุงลาวนี่แหละ
ลุงลาวเล่าให้ฟัง - ด้วยภาษาไทยที่ชัดเจน ว่าแกมาเที่ยวเอเซีย ไปมาทั่วแล้ว
กระทั่งวันหนึ่งได้ไปหลวงพระบาง ประเทศลาว
ก็เกิดความรักหลงในเสน่ห์ของเมืองหลวงพระบางอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
บอกกับตัวเองทันใดว่า ที่นี่แหละคือบ้านของฉัน
เมืองหลวงพระบางที่ใคร ๆ ต่างก็ร่ำลือในความสงบ สวยงาม บริสุทธิ์
ทำให้ลุงลาวตัดสินใจซื้อบ้าน ปักหลักทำมาหากินอยู่ที่นั่น จนถึงทุกวันนี้
นี่เองคือที่มาของชื่อ -ลุงลาว- ที่เราแอบตั้งให้
ลุงลาวพูดเก่ง คุยสนุก อารมณ์ดี ชอบเล่าเรื่องตลก
บางทีก็เสียดสีคนโน้นคนนี้ โดยเฉพาะนักการเมือง หรือคนใหญ่คนโตบางคน
จึงคุยกันถูกคอ ถูกอกถูกใจ
"ผมชอบงานของคุณมาก งานคุณไม่เหมือนใคร สวยมาก ๆ" ลุงหยอดคำชม
"เราจะมาทำธุรกิจกัน ผมจะสั่งของคุณไปขายที่โน่น
คุณรู้มั้ยคนลาวเรียกสมุดว่าอะไร" เราสั่นหัว
"บึ้ม !" แกทำเสียงคล้ายระเบิดลูกเล็ก ๆ
"อะไรนะ"
"บึ้ม ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เรากำลังจะมาทำธุรกิจขายบึ้ม ฮ่า ฮ่า.."
ทุกคนหัวเราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ขึ้นพร้อมกัน
เหมือนหัวเราะให้กับการเริ่มต้นธุรกิจที่มีเค้าว่าจะไปได้ดี
เราค้าขาย "บึ้ม" กับลุงลาวด้วยมูลค่าเล็ก ๆ น้อย ๆ
แบบซื้อมาขายไปไม่ทันถึงขวบปี
กำลังจะเริ่มค้าขายล็อตใหญ่กันแบบเป็นเรื่องเป็นราว ก็มีเหตุการณ์แปลก ๆ เกิดขึ้นเสียก่อน
ผู้หญิงคนหนึ่งโทรศัพท์มาจากเชียงใหม่
ถามเราว่า "ที่นั่นที่ไหน"
ซักไซ้กันจนรู้เรื่องว่า เธอเป็นเจ้าของเกสต์เฮาส์แห่งหนึ่ง
กำลังตามล่าลุงลาว ผู้ชักดาบค่าที่พักของเธอ
ทำทีว่าทิ้งของไว้จะกลับมาอีก ที่ไหนได้เป็นผ้าขี้ริ้วที่ทิ้งไว้ตบตา
เธอบอกว่าเป็นเงินไม่เท่าไรหรอก แต่เสียความรู้สึก
และบังเอิญในรายการใช้โทรศัพท์-ที่ยังไม่ได้จ่าย- ของลุงลาว
ปรากฏหมายเลขของเราอยู่ด้วย เธอจึงลองโทรมา "ตามกลิ่น"
และตามได้ถูกจังหวะเวลาพอดีเสียด้วย เธอจึงแอบนัดหมายกับเราอย่างลับ ๆ
วันรุ่งขึ้น อันเป็นวันที่ลุงลาวนัดจะมาเจรจาธุรกิจกับเราที่บ้าน
ก็ปรากฏหญิงสาวร่างใหญ่ ขี่มอเตอร์ไซค์เอนทาโร อย่างเท่ห์ คันเบ้อเริ่มยังกับเป็นการข่มขวัญ
มาดักพบก่อนเวลานัด
มาดักพบก่อนเวลานัด
สองฝ่ายเจรจากันอย่างไรไม่ทราบ เพราะเราไม่อยากให้ลุงลาวเสียหน้า
จึงปล่อยให้คุยกันเองตามลำพัง
และเริ่มสังหรณ์ว่า การค้าขายบึ้มระหว่างเราอาจจะมีปัญหา..
ขนาดค่าเช่าห้องคืนละไม่กี่ร้อย แกยังชักดาบหน้าตาเฉย
นี่ตกลงซื้อขายกันเบื้องต้นเป็นหลักหมื่น จะเสี่ยงได้หรือ
"ขอเงินมัดจำค่าสินค้า 40 เปอร์เซ็นต์" เราบอก
"โอเค" ลุงลาวตอบตกลงอย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะเพิ่งถูกดิสเครดิตจากแม่สาวเอนทาโรมาหยก ๆ จึงต้องขึงขังเข้าไว้
แกขอให้เราพาออกไปเบิกเงินที่ธนาคารก่อนกลับ
"เดือนหน้า ไอจะมารับของด้วยตัวเอง" ลุงลาวยื่นเงินค่ามัดจำ 40 เปอร์เซ็นต์ให้
เรารีบเร่งทำงานจนเสร็จตามกำหนด..
ถึงวันนัด ลุงลาวไม่ได้มาด้วยตัวเองเหมือนที่บอกไว้
แต่ส่งศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษ รูปร่างผอมหยองกรอด ชื่อ เดวิด
ซึ่งบอกว่าเป็นสต๊าฟ มาแทนตัว
"ไอจะมารับของทั้งหมด" ศิลปินหนุ่มบอกความประสงค์
เรายกกล่องสินค้ามาวางเรียงรอไว้อยู่แล้ว
แต่เมื่อเราถามถึงเงินค่าของส่วนที่เหลือ หนุ่มเดวิดตีหน้าซื่อ ปฏิเสธเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
ยืนยันว่าได้รับคำสั่งให้มาเอาของอย่างเดียว ไม่ได้รับคำสั่งให้มาจ่ายเงินด้วย
ทำเอาเราอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจบอกไปว่า
"งั้นยูก็เอาของไปเท่ากับมูลค่าเงินมัดจำที่ยูจ่ายมาแล้วก็แล้วกัน
ของที่เหลือไอจะเก็บไว้ให้ และจะให้ไปก็ต่อเมื่อยูมาจ่ายเงินแล้ว"
เดวิด ฝรั่งกล้องแกล้ง ขนของไปเท่าจำนวนเงินมัดจำ 40 เปอร์เซ็นต์
คืนนั้น ลุงลาวโทรทางไกลมาจากหลวงพระบาง
หงุดหงิด อารมณ์เสีย ตัดพ้อต่อว่า โวยวายว่าเราไม่ให้เกียรติ ไม่ไว้วางใจ
เราไม่ได้โต้แย้งอะไร อยากจะคิดอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้
ต้องขอบคุณพระเจ้า ที่ส่งหญิงเอนทาโรคนนั้นมาเป็นกระจกเงา
ส่องให้เราเห็นความจริงถึงบ้าน แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
มิฉะนั้นคนซื่อ ๆ เซ่อ ๆ อย่างเราก็คง "เสร็จ" ฝรั่งไปแล้ว
เราย้ำกับเขาเป็นคำสุดท้ายว่า "เงินมา ของไป"
แต่ลุงลาวก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย...นานนับเดือน หลายเดือน และคงตลอดไป
สินค้าที่เรารีบเร่งทำให้ เหลือบานเบอะอยู่ในสต๊อก คิดเป็นเงินหลายหมื่นบาท
"ฝรั่งวอก" คนงานของเราคนหนึ่งสรุปได้ชัดเจนดีแท้ !
ขนาดค่าเช่าห้องคืนละไม่กี่ร้อย แกยังชักดาบหน้าตาเฉย
นี่ตกลงซื้อขายกันเบื้องต้นเป็นหลักหมื่น จะเสี่ยงได้หรือ
"ขอเงินมัดจำค่าสินค้า 40 เปอร์เซ็นต์" เราบอก
"โอเค" ลุงลาวตอบตกลงอย่างง่ายดาย
อาจเป็นเพราะเพิ่งถูกดิสเครดิตจากแม่สาวเอนทาโรมาหยก ๆ จึงต้องขึงขังเข้าไว้
แกขอให้เราพาออกไปเบิกเงินที่ธนาคารก่อนกลับ
"เดือนหน้า ไอจะมารับของด้วยตัวเอง" ลุงลาวยื่นเงินค่ามัดจำ 40 เปอร์เซ็นต์ให้
เรารีบเร่งทำงานจนเสร็จตามกำหนด..
ถึงวันนัด ลุงลาวไม่ได้มาด้วยตัวเองเหมือนที่บอกไว้
แต่ส่งศิลปินหนุ่มชาวอังกฤษ รูปร่างผอมหยองกรอด ชื่อ เดวิด
ซึ่งบอกว่าเป็นสต๊าฟ มาแทนตัว
"ไอจะมารับของทั้งหมด" ศิลปินหนุ่มบอกความประสงค์
เรายกกล่องสินค้ามาวางเรียงรอไว้อยู่แล้ว
แต่เมื่อเราถามถึงเงินค่าของส่วนที่เหลือ หนุ่มเดวิดตีหน้าซื่อ ปฏิเสธเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ
ยืนยันว่าได้รับคำสั่งให้มาเอาของอย่างเดียว ไม่ได้รับคำสั่งให้มาจ่ายเงินด้วย
ทำเอาเราอึ้งไปชั่วขณะ ก่อนจะตัดสินใจบอกไปว่า
"งั้นยูก็เอาของไปเท่ากับมูลค่าเงินมัดจำที่ยูจ่ายมาแล้วก็แล้วกัน
ของที่เหลือไอจะเก็บไว้ให้ และจะให้ไปก็ต่อเมื่อยูมาจ่ายเงินแล้ว"
เดวิด ฝรั่งกล้องแกล้ง ขนของไปเท่าจำนวนเงินมัดจำ 40 เปอร์เซ็นต์
คืนนั้น ลุงลาวโทรทางไกลมาจากหลวงพระบาง
หงุดหงิด อารมณ์เสีย ตัดพ้อต่อว่า โวยวายว่าเราไม่ให้เกียรติ ไม่ไว้วางใจ
เราไม่ได้โต้แย้งอะไร อยากจะคิดอย่างนั้นก็คงช่วยไม่ได้
ต้องขอบคุณพระเจ้า ที่ส่งหญิงเอนทาโรคนนั้นมาเป็นกระจกเงา
ส่องให้เราเห็นความจริงถึงบ้าน แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
มิฉะนั้นคนซื่อ ๆ เซ่อ ๆ อย่างเราก็คง "เสร็จ" ฝรั่งไปแล้ว
เราย้ำกับเขาเป็นคำสุดท้ายว่า "เงินมา ของไป"
แต่ลุงลาวก็ไม่ติดต่อมาอีกเลย...นานนับเดือน หลายเดือน และคงตลอดไป
สินค้าที่เรารีบเร่งทำให้ เหลือบานเบอะอยู่ในสต๊อก คิดเป็นเงินหลายหมื่นบาท
"ฝรั่งวอก" คนงานของเราคนหนึ่งสรุปได้ชัดเจนดีแท้ !
โอ๊ะโอ๋ ฝรั่งน่ากลัวเยอะเหมือนกันนะคะ
ตอบลบปล. เรื่องเล่าของแม่เป็นอกาลิโกมาก ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เรื่องเล่าที่สนุกตื่นเต้นต้องไม่ขึ้นกับกาลเวลาแบบนี้แหละค่ะ ชอบค่ะ
ฝรั่งดี ๆ ก็เยอะ จะค่อย ๆ ฟื้นความจำเขียนถึง บางคนก็ช่วยชีวิตเราเลยแหละ
ตอบลบ