วันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2556

ตัวเมีย - แม่ไก่ดีเด่น






หลังจากไก่แจ้ของเราแพร่พันธุ์ ขยายประชากรกันอย่างรวดเร็ว
ปรากฏว่าเรามีประชากรตัวผู้มากกว่าตัวเมียหลายเท่า
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร..

ดังนั้นเราจึงยังคงมีปัญหาเหมือนช่วงแรก ๆ
คือไก่ตัวเมียถูกบรรดาตัวผู้รุมโทรม จนทรุดโทรมไปตาม ๆ กัน

พ่อบ้านแก้ปัญหาโดยการยกไก่ตัวผู้ให้คนงานไปหลายสิบตัว
จะเอาไปเลี้ยงในบ้าน หรือเอาไปเลี้ยงในหม้อ (สำนวนของคนงาน) ก็แล้วแต่

ช่วงนั้นเองมีคนเอาไก่แม่สีดำล้วนมาให้เราตัวหนึ่ง
ฉันตั้งชื่อมันว่า  "นังบ้านนอก"
ฟังดูไม่ค่อยสุภาพ  แต่ใคร ๆ ก็เรียกมันว่านังบ้านนอก หรืออีบ้านนอกกันจนติดปาก

นังบ้านนอก เป็นไก่พันธุ์พื้นเมือง ที่มีเชื้อสายไก่ชนอยู่ในตัว
ลักษณะปราดเปรียว  ขายาว  ดูเหมือนไก่นุ่งจูงกระเบนสีดำ
มาใหม่ ๆ จึงดูแปลกแยกพิกล เพราะเราคุ้นตากับไก่ขาสั้น ๆ มาก่อน

นังบ้านนอก มีบุคลิกดูเด๋อด๋า  ซื่อ ๆ  แต่ก็มีความกล้าผสมบ้าบิ่นอยู่ในตัว
ไม่ได้ดูเรียบร้อย นุ่มนวล เป็นไก่คุณหนูเหมือนนังยุ่น  หรือไก่แม่ตัวอื่น ๆ
เพราะเธอมีเลือดนักสู้อยู่ในตัวนี่เอง
เธอจึงเลี้ยงลูกของเธออย่างถวายหัว  จนพวกเรายอมยกนิ้วให้

นับตั้งแต่การฟักไข่  เธอฟูมฟักไข่ของเธออย่างดี
ครอกแรกจึงฟักออกหมดทั้ง 11 ฟอง  ไม่มีเสียเลย
แม่ไก่ตัวอื่น ๆ จะฟักได้ราว 6-7 ตัวเป็นอย่างมาก

เมื่อเลี้ยงลูกน้อย เธอก็ดูแลลูกอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะตอนกินข้าว
แม่ไก่บางตัวเวลาให้อาหารจะทิ้งลูกไปเลย อาจเพราะหิวจัดหรือไงไม่รู้
ปล่อยให้ลูกเจี๊ยบยืนร้องเจี๊ยบ ๆ ๆ  อย่างหวาดกลัวอยู่นอกวง

ลูกเจี๊ยบนั้นมีบทเรียนว่า  ถ้าแหยมเข้าไปในวงกับเขาเมื่อไร
เป็นถูก "ขาใหญ่"  หรือ  "ไอ้ตัวใหญ่" ทั้งหลาย รุมไล่จิกตีแน่นอน

แต่นังบ้านนอกไม่เคยทิ้งลูกให้ยืนร้องเจี๊ยบ ๆ  อยู่ข้างนอกเหมือนแม่ตัวอื่น ๆ
ถ้าไอ้ตัวใหญ่หน้าไหนลองแหยมเข้ามาในฝูงลูกเธอล่ะก็  นังบ้านนอกสู้ยิบตา
ท่าไล่ฟัดของเธอน่านับถือจริง ๆ
เธอจะโก่งคอ  ขยับปีก  ยื่นหัวไปข้างหน้า ทำท่าพร้อมจะชน
จนไอ้ตัวใหญ่ไหนก็ไม่กล้าเข้ามาตอแยด้วย
จะมีก็แต่ไอ้แจ้ จ่าฝูงแห่งบ้านไร่เท่านั้น ที่นังบ้านนอกยำเกรงอยู่

อีกข้อหนึ่งที่ต่างจากแม่อื่นคือ  เธอจะดูแลลูกของเธอจนโตเกือบเข้าวัยรุ่น
ในขณะที่นางไก่ตัวอื่น ๆ  ทิ้งลูกกันแต่เยาว์วัยทั้งสิ้น
ลูกนังบ้านนอก 11 ตัว ที่เริ่มจะเข้าวัยรุ่น พากันเดินตามแม่มันต้อย ๆ
เป็นภาพแห่งความรักของแม่ลูกที่น่าประทับใจจริง ๆ

ถ้ามีการให้รางวัลแม่ไก่ดีเด่น
นังบ้านนอกตัวนี้แหละสมควรได้รับเป็นที่สุด

คราวนี้จะเล่าเรื่องของ "นังขาว" บ้าง
ลูกครอกแรกของนังขาวที่ฟักออกมามี 5 ตัว
มีตัวหนึ่งที่มีปัญหา

จะเป็นเพราะถูกแม่มันทับระหว่างกกไข่ในรัง
หรือจะเป็นมาแต่กำเนิดก็ไม่รู้  ทำให้มันเป็นไก่ขาพิการ เดินแทบไม่ได้
ช่วงที่ยังเป็นลูกเจี๊ยบก็กระย่องกระแย่ง  รั้งท้ายฝูงอยู่เสมอ
เราเรียกมันว่า ไอ้เป๋

ในช่วงแรก ๆ แม่ของมันก็ดูเหมือนพยายามเอาใจใส่ไอ้เป๋มากเป็นพิเศษอยู่เหมือนกัน
เช่นมักจะรั้งรอ เวลาพาลูกออกไปคุ้ยเขี่ยหาอาหาร
แต่ต่อ ๆ มามันก็เลิกใส่ใจโดยสิ้นเชิง
สัตว์อาจจะดีกว่ามนุษย์เราตรงที่ตัดใจได้ง่ายกว่ากระมัง ?

ไอ้เป๋ผู้น่าสงสารของเรา จึงถูกทอดทิ้งให้หากินโดดเดี่ยวยิ่งขึ้นเรื่อย ๆ
มิหนำซ้ำยังถูกรังแก ถูกจิกตีจากญาติพี่น้องของมันเองอยู่เสมอ ๆ

เมื่อไอ้เป๋ถูกแม่มันทิ้ง มันจึงได้รับความเมตตาสงสารจากเราเป็นทวีคูณ
มันไม่เคยอดอยาก กลับอ้วนท้วนสมบูรณ์ เพราะได้ข้าวกินมากกว่าตัวอื่น

แต่ดูเหมือนการทำบุญอย่างนี้ของเรา  กลับจะได้บาปมาแทนที่เสียมากกว่า
เพราะยิ่งอ้วน ไอ้เป๋ก็ยิ่งเดินไม่ได้
กว่าจะพาร่างอุ้ยอ้ายของมัน ถัดไถไปตามพื้นดินพื้นหญ้า
ก็ดูเหน็ดเหนื่อย น่าเวทนาเหลือประมาณ
บางครั้งมันจะซุกตัวนิ่งอยู่ในพงหญ้า เหมือนทอดอาลัยในชีวิต
บางครั้งก็ชะเง้อชะแง้ แลดูพี่ ๆ น้อง ๆ ของมัน คุ้ยเขี่ยหากินอยู่ในสวน

มันจะรู้สึกอิจฉาไก่ตัวอื่น หรือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชควาสนาของตัวเองบ้างหรือเปล่านะ
มันจะเคยร้องไห้เหมือนมนุษย์เราบ้างไหม
จริง ๆ แล้วมันคงไม่รู้สึกอะไร
เราต่างหากที่หดหู่ เศร้าใจ เพราะไปคิดแทนมัน

ในที่สุด พระเจ้าคงจะเห็นใจจึงมารับตัวมันกลับไป
(นี่เป็นวิธีคิดที่จะทำให้เราเสียใจน้อยที่สุด)

เย็นวันนั้นฉันขับรถออกไปทำธุระนอกบ้าน
ไอ้เป๋กระเสือกกระสนมาที่หลังบ้าน  ยายเห็นจึงโปรยข้าวสารให้มันกินจนอิ่ม
จากนั้นก็ไม่มีใครสนใจมันอีก

ฉันกลับเข้าบ้านโดยที่ไม่มีลางสังหรณ์แม้แต่นิดเลยว่าตัวเองจะเป็นฆาตกร
หลักฐานนอกจากร่างไร้ชีวิตของไอ้เป๋แล้ว
ก็คือคราบเลือดบนกอหญ้าที่ล้อรถแล่นผ่าน

เป็นค่ำคืนแห่งความเศร้าของบ้านไร่
มีเพียงความเงียบและบรรยากาศหดหู่
ลอยวนอ้อยอิ่งอยู่ในบ้านไร่ของเรานานหลายวัน...

หลังจากลูกครอกแรก  นังขาวก็ออกลูกมาอีกหลายครอก
กาลเวลาทำให้ความเจ็บปวดของคนเราแผ่วจางลง
เหลือเพียงความทรงจำให้ระลึกถึง

บ่ายวันหนึ่งฉันได้ยินเสียงลูกเจี๊ยบลูกนังขาวร้องกันเซ็งแซ่
นึกโมโหว่าแม่มันไปไหนวะ   ทำไมทิ้งลูกให้ร้องกระจองอแงกันอย่างนี้
เมื่อเดินตามหาก็พบว่านังขาวกำลังระริกระรี้อยู่กับไอ้แจ้ แถวซุ้มต้นการเวก
อาจเป็นเพราะถึงเวลาที่มันจะปล่อยให้ลูกเติบโตกันเองได้แล้วหรืออย่างไร

พานคิดถึงเมื่อวันก่อน
ที่เห็นพ่อบ้านกระชากแม่ไก่ตัวหนึ่ง ลงมาจากกิ่งต้นสะแกวัลย์
ที่พวกมันอาศัยเกาะนอนกันทุกคืน  ตอนนั้นเย็นย่ำแล้ว
แม่ไก่ตัวนั้นร้อง กระต๊าก ๆ ๆ  เสียงดังด้วยความตกใจ
พ่อบ้านด่าแม่ไก่โขมงโฉงเฉงจนทุกคนหัวเราะขำ

สาเหตุความโกรธของพ่อบ้านในวันนั้นก็คือ  แม่ไก่เลิกกกลูกนอน
จะด้วยเหตุผลอะไรของมันก็แล้วแต่  (แต่พ่อบ้านยืนยันว่าไม่มีเหตุผลอย่างสิ้นเชิง)
มันบินขึ้นไปเกาะกิ่งไม้นอน   ปล่อยให้ลูกน้อยทั้งฝูงร้องกระจองอแงอยู่ใต้ต้น
เพราะมันยังบินตามแม่ขึ้นไปไม่ได้

ตอนนั้นฉันรู้สึกขำอารมณ์โกรธของพ่อบ้าน
แต่ตอนนี้ฉันก็กำลังโกรธนังขาว ในอารมณ์เดียวกับที่พ่อบ้านโกรธแม่ไก่ตัวนั้นไม่มีผิด

ทำอะไรมันไม่ได้นอกจากบ่นด่า

"โธ่เอ๊ย...นังตัวเมีย..."






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น