13 ตุลาคม 2555
นอนที่มามัลละปุรัม 2 คืน วันนี้เราจะไปเมืองตริชี่ (Trichy)
ชื่อที่มาจากชื่อเต็มว่า ติรุชชิรัปปัลลิ (Tiruchirapalli)
เป็นเมืองศูนย์กลางทางการค้าของรัฐทมิฬนาฑูอีกเมืองหนึ่ง
เราตื่นกันแต่เช้ามืด
ฉันลุกไปอาบน้ำตอนตี 3 กว่าๆ
ต้มน้ำชงกาแฟกินกันคนละแก้ว
ออกจากโรงแรม Sri Murugan ราวตีสี่ครึ่ง
เดินลากกระเป๋า แบกเป้ไปตามถนนที่ยังเงียบสนิท เพื่อไปรอรถที่ท่ารถ
ถ้าเป็นบ้านเราหมาคงเห่าเกรียว แปลกดี หมาที่นี่ไม่ยักกะเห่า
ผู้โดยสารที่รอขึ้นรถคันเดียวกับเรา
รถโดยสารคันที่เรารอ ควบปุเลงๆมาถึงเกือบๆตี 5
มีผู้โดยสารรอขึ้นคันเดียวกับเราจำนวนหนึ่ง
พอคนขึ้นรถหมด รถก็ออกเลย ไม่มีการจอดแช่
เรากำลังมุ่งหน้าไปที่สถานี เชงกาลาปั๊ดตู (ชื่อน่ารักดี)
มีกระเป๋า(ชาย) เดินมาเก็บเงินค่าโดยสาร คนละ 15 รูปี
ใช้เวลาวิ่งราว 1 ชั่วโมง
คนขับอารมณ์ดี เปิดเพลงภารตะดังลั่น
ขับผ่านทุ่งนาป่าเขา ที่เริ่มมองเห็นรางๆ ฟ้าเริ่มสางแล้ว
อากาศยามเช้าเย็นสบาย
ลงรถที่เชงกาลาปั๊ดตู ใหญ่เดินไปถามนายท่าถึงที่ๆจะไป
เขาให้เราเดินตามกระเป๋ารถคนหนึ่ง ที่ยืนอยู่ตรงนั้นพอดี
พาเราขึ้นรถเมล์ของเขา เขาจะไปส่งที่ main road ให้
คิดค่าโดยสารคนละ 5 รูปี
จุดที่เขาจอดให้เราลงลักษณะเหมือนด่านขึ้นทางด่วนบ้านเรา
ถนนกว้างหลายเลน
เราถามผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนรอรถอยู่ว่าเราจะไปตริชี่ ต้องรอรถฝั่งไหน
เขากำลังจะไปเจนไน ซึ่งสวนทางกับเรา
แต่ก็ยังอุตส่าห์พาเราเดินข้ามถนนไปอีกฝั่ง
และรอจนกระทั่งรถคันที่จะไปตริชี่ผ่านมา ส่งเราขึ้นรถแล้วจึงข้ามฟากกลับไป
โอ๊ย..ได้ใจเราไปเต็มร้อย น่ารักมากๆ
รถเมล์ไปตริชี่ว่างมาก ถนนสวยงาม เกาะกลางถนนปลูกดอกไม้
ออกดอกสลับสีกันไปตลอดทาง
ระหว่างทาง รถจอดให้พัก เข้าห้องน้ำห้องท่า
มีร้านน้ำชาและอาหารว่าง
เรากินชาร้อนและขนมทอดๆ ประมาณปาท่องโก๋ ซาลาเปา กะหรี่พัฟ จนอิ่มแปล้
โฉมหน้ารถคันที่เรานั่งไปตริชี่
รถใช้เวลาวิ่งเกือบ 4 ชั่วโมง ระยะทางจากมามัลละปุรัมถึงตริชี่ ราว 280 กิโลเมตร
ค่าโดยสารคนละ 170 รูปี
ถึงตริชี่ ราว 11 โมง
รอบๆ สถานีขนส่งเต็มไปด้วยโรงแรม
ผู้คนขวักไขว่หนาแน่นแบบเมืองใหญ่
เราเดินเลือกที่พักอยู่พักหนึ่ง และตัดสินใจเลือกโรงแรมชื่อ มธุรา
ห้องพักราคา 1300 รูปี
เก็บของเข้าที่พักแล้ว กินอาหารอินเดียที่ใต้ถุนโรงแรม
จากนั้นออกมานั่งรถเมล์ สาย 1 ไปตลาดคานธี
ตลาดคึกคักมาก เป็นตลาดพืชผักผลไม้ ดอกไม้ คล้ายปากคลองตลาดบ้านเรา แต่เล็กกว่า
พืชผัก ผลไม้ อุดมสมบูรณ์
แต่เห็นผักผลไม้บางอย่างแล้วอดสงสัยไม่ได้ว่าน่าจะมาจากจีน
เช่นแอปเปิล หอมกระเทียมที่หัวใหญ่มากๆ
ข้อสังเกตประการหนึ่ง
เราแทบไม่เห็น "แม่ค้า" เห็นแต่ "พ่อค้า"
แม้กระทั่งขายดอกไม้ นั่งร้อยมาลัยก็เป็นพ่อค้าทั้งสิ้น
หนุ่มอินเดียชอบถ่ายรูป ไปตรงไหนก็กวักมือเรียกไปถ่ายรูปให้หน่อย
หนุ่มขายดอกไม้เขียนชื่อ ที่อยู่ยื่นให้เสร็จสรรพ
บอกว่าถ่ายแล้วช่วยอัดส่งมาให้ด้วยนะ
ใหญ่ เพื่อนผู้แสนดีของเราทำหน้าที่ตรงนี้ไปแล้วเรียบร้อย
วัวมีอยู่ทุกที่ ไม่มีใครทำร้ายหรือลักขโมย มีชีวิตอยู่ร่วมกับคนอย่างสันติสุข
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น