วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2557

แบกเป้ไปอินเดียใต้






เมื่อสองปีก่อน  เพื่อนรักชวนไปอินเดีย
ดินแดนที่ได้ยินเรื่องราวด้านลบจากนักท่องเที่ยวมาไม่ใช่น้อย
แต่ในขณะเดียวกันก็มีสีสัน  มีแง่มุมหลากหลายที่หลายคนถึงขั้นหลงใหล
จนต้องกลับไปอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า..

ปี 2555 เป็นปีที่ชีวิตส่วนตัวของฉันกำลังว้าวุ่น เหน็ดเหนื่อยจากหลายๆ เรื่อง

เพื่อนจองตั๋วราคาถูกล่วงหน้าไว้เป็นปี
แต่เมื่อเวลางวดเข้า  ชีวิตก็เหมือนเชือกที่เริ่มบิดเขม็งเกลียว
หลายอย่างถาโถมเข้ามาจนตัดสินใจบอกเธอไปว่า  สงสัยจะไปไม่ได้..
แต่เธอไม่ยอม..   หว่านล้อมจนฉันต้องรับคำ
ยอมรับว่าภาวะจิตใจตอนนั้นว้าวุ่น ห่วงหน้าพะวงหลัง จนหมดความอยากที่จะเดินทางไปไหนๆ

ดาวเสาร์ย้ายราศีวันที่ 7 กันยายน 2555
ปฐมบทของดาวมรณะของฉันเริ่มต้นขึ้นตอนนั้น

แม่บุญธรรมที่เลี้ยงดูฉันมาตั้งแต่เล็ก เข้าออกโรงพยาบาลหลายรอบ
วันที่ 1 กันยายน เข้าไปอีกครั้ง คราวนี้เป็นห้องไอซียู  เธออยู่ห้องนี้นานถึง 85 วัน
และไม่ได้กลับออกมาอีก..

ฉันเดินทางไปอินเดียวันที่ 11 ตุลาคม 2555
เช้านั้นตื่นนอนราวตี 4 เศษ  ลูกชายยังไม่เข้านอน  บอกว่ารอส่งแม่
ออกจากบ้านลำปางราวตี 5 วานน้องขับรถไปส่ง ถึงสนามบินเชียงใหม่ก่อน 6 โมงเล็กน้อย
ฉันนัดเพื่อนและสามี - ใหญ่ และอาจารย์ธีระ  ที่สนามบินเชียงใหม่

เราสามคนเป็นเพื่อนสนิท เคยทำงานบุกป่าฝ่าดงในกระทรวงศึกษาฯมาด้วยกันนานปี
จนสามารถพูดได้ว่าเป็นเพื่อนซี้
ใหญ่เคยเป็นเลขานุการ หน้าห้องอธิบดีมาแล้ว
ความเป็นเลขาฯที่ละเอียดถี่ถ้วน รอบคอบ ชัดเจน
ทำให้เราได้รับอานิสงส์จากการจัดการทุกสิ่งทุกอย่างอย่างเรียบร้อยลงตัว
นับตั้งแต่การหาข้อมูลในอินเตอร์เนตอย่างละเอียด
ทั้งการเดินทาง ที่พัก ที่อยู่ที่กิน ข้อมูลทางภูมิศาสตร์ ประวัติศาสตร์ สังคม การเมือง
ใช่ว่าจะดุ่ยๆ เดินทางไปไม่รู้อิโหน่อิเหน่เสียเมื่อไร

ตอนที่ฉันเตรียมจัดกระเป๋าเธอยังบอกมาด้วยว่าห้ามเอากระเป๋าใบใหญ่เกินขนาดที่ระบุ
ด้วยเหตุผลว่าไม่ต้องการโหลดกระเป๋า เพราะเสียเวลารอนานมากในบางที่
เสื้อผ้าก็เอาที่จำเป็นจริงๆ  ในกระเป๋าเดินทางใบย่อมๆของฉันจึงมีเสื้อบางๆรวมเสื้อยืด
ราว 5 ตัว กางเกงขายาว 2 ตัว ชุดนอน 1 ชุด ผ้าซิ่น 1 ผืน ผ้าแพรใช้ห่ม 1 ผืน ถุงเท้า 1 คู่
ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กและเครื่องในเพียงแค่นั้น รวมชุดที่ใส่อยู่อีก 1 ชุด
กับระยะเวลา 13 วัน
สมกับเป็นอดีตชาวค่ายเก่าและนักย่ำดอยเสียจริงๆ

กำหนดเครื่องออกจากเชียงใหม่เวลา 9.10 น.
ก่อนขึ้นเครื่องน้องสาวโทรมาจากกรุงเทพฯ บอกว่าแม่อยากพูดด้วย
แม่โทรมาอวยพรให้ฉันโชคดี..
ใครจะนึกว่าหลังจากนั้นอีกเพียงปีกว่าๆ แม่ก็จะไม่อยู่แล้ว...

ใหญ่แบ่งเงินรูปีให้ฉันติดกระเป๋าไว้  2000 รูปี ( 1 รูปี = 60 สตางค์)
เรื่องแลกเงิน เตรียมเงิน ก็ใหญ่อีกนั่นแหละเป็นคนจัดการ
เธอบอกให้ฉันหากระเป๋าใบเล็กๆสำหรับใส่พาสปอร์ต
และคล้องคอไว้ตลอด ต้องรักษาพาสปอร์ตไว้สุดชีวิต
ฉันอดคิดถึงสมัยเป็นเด็กเล็กๆขึ้นมาไม่ได้ เวลาไปเที่ยวงานวัด
แม่จะต้องย้ำแล้วย้ำอีกว่าถ้าหลงทาง พลัดหลงกับแม่ จะต้องทำยังไง
จำไม่ได้ว่าแม่เขียนชื่อแซ่ใส่กระเป๋าไว้ให้หรือเปล่า..
วันนี้ฉันกลายเป็นเด็กในความดูแลของเพื่อนไปเสียแล้ว..

เครื่องถึงกัวลาลัมเปอร์ราว 13.00 น. (บ้านเราเป็นเวลาเที่ยง)

เรารอต่อเครื่องที่สนามบินกัวลาลัมเปอร์  ผ่านกระบวนการ ตม.พอสมควร
ระหว่างนั้นก็ควักข้าวห่อ ที่ใหญ่เป็นคนเตรียมมา นั่งกินกันในสนามบิน

เพื่อนสองคนนี้มีประสบการณ์ในการเดินทางแบบที่เรียกว่า "มืออาชีพ"
เดินทางท่องเที่ยวแบบแบ็คแพกเกอร์มาแล้วครึ่งค่อนโลก
รู้วิธีอยู่ วิธีกินแบบประหยัดในต่างแดน
ใช้ชีวิตคุ้มค่าทุกหยาดหยด
ใหญ่ลุกมาเตรียมอาหารแต่เช้ามืด  ข้าวเหนียว ไก่ทอด-ปลาทอด
เป็นอาหารมื้อกลางวันของเราที่กัวลาลัมเปอร์ ประหยัดเงินไปหลายตังค์
เธอบอกว่าก๋วยเตี๋ยวที่นั่นชามละ 120 บาท (เราจึงไม่สมควรกิน)
ส่วนมื้อเช้าที่ผ่านมา เราพกซาลาเปามาหลายลูก ยังเหลือมาถึงมื้อเที่ยง

ในเป้ของเธอใบหนึ่ง มีอาหารแห้งที่ตุนไปเผื่อตลอดการเดินทาง
หนีไม่พ้นมาม่า น้ำหนักเบา  ขนมปัง บิสกิต น้ำพริก
และที่ขาดไม่ได้ก็คือกาแฟ
ส่วนในเป้ของอาจารย์ธีระ มีกระติกน้ำร้อน ที่เขาบอกว่าซื้อที่ฝรั่งเศส
พร้อมปลั๊กพ่วง แบบที่สามารถปรับใช้ได้ในทุกสถานการณ์
เพราะระบบไฟฟ้าของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน
เป็นความรู้ใหม่ของฉัน ผู้ซึ่งไม่รู้อะไรเลยเพราะไม่เคยเดินทางไกลมาก่อน

ส่วนฉันผู้โชคดีที่มีเพื่อนดี เธอบอกเพียงว่าให้เตรียมภาชนะใส่อาหารของตัวเอง
ช้อน ชาม แก้วกาแฟ  และน้ำเปล่า 1 ขวด

เธอบอกกระทั่งว่า ก่อนเข้าไปในห้องผู้โดยสารขาออก ต้องเทน้ำในขวดทิ้งให้หมด
เพราะเป็นข้อห้าม  เมื่อเข้าไปแล้วค่อยไปกรอกน้ำดื่มในห้องรับรองนั้นทีหลัง
เธอบอกว่าน้ำที่มาเลย์แพงมาก
และน้ำเปล่าเป็นเครื่องดำรงชีวิตที่สำคัญและจำเป็นที่สุดของนักเดินทาง

ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ




                                                 ใหญ่และอาจารย์ธีระ  ที่สนามบินเชียงใหม่



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น