"ยาย มะม่วงกองเท่าไร ?"
"สิบห้าบาทจ้า.."
ยายจัดมะม่วงอกร่องสุกวางเป็นกอง ๆ บนผ้ายางที่ปูบนพื้นซีเมนต์หน้าตลาด
"สิบบาทได้มั้ย" คนต่อราคาทรุดตัวลงนั่งยอง ๆ พลางหยิบจับมะม่วงในกองพลิกไปมา
"ไม่ได้ดอกจ้า" น้ำเสียงของยายยังสดใสอยู่
"สิบบาทก็แล้วกันยาย ฉันเอาสองกองเลย"
"ไม่ได้หรอกคุณ กองนึงก็ตั้งเกือบสิบลูกแล้ว"
"แหม..ลดหน่อยก็ไม่ได้ ยายนี่.." มือยังคงหยิบจับมะม่วงลูกโน้น ลูกนี้
"ลดไม่ได้หรอกค่า แค่นี้ก็ขายถูกกว่าคนอื่นตั้งเยอะแล้ว"
"แต่มันไม่ค่อยสวยแล้วนี่ ยายลดหน่อยก็แล้วกัน" มือข้างหนึ่งบีบมะม่วง
ทำนองสงสัยว่าลูกนี้จะช้ำในหรือเปล่าว้า
"นี่ก็ช้ำแล้วนี่"
"เห็นใจคนแก่เถอะแม่คู้น นี่ฉันก็มาไกลตั้งพิจิตรโน่น" น้ำเสียงของยายชักแข็งขึ้น
"น่า..นะ ลดหน่อย สองกองยี่สิบห้าก็แล้วกัน"
"..............."
ยายเริ่มหน้าตึง เลิกตอบ แววตาเริ่มขุ่นขวางมองตามมือที่คอยบีบมะม่วงอย่างไม่เกรงใจ
ฉันยืนรีรออยู่ข้างหลัง ฟังการสนทนามาตั้งแต่ต้น
จะแทรกตัวเข้าไปก็ยังไม่ได้ เพราะคนต่อรองราคานั่งยอง ๆ ขวางทางแคบ ๆ นั้นอยู่
"ตกลงได้มั้ยเนี่ย.."
"................"
ไม่มีคำตอบจากใบหน้าที่เริ่มงอง้ำของยาย
"งั้นเอากองเดียว !"
คนพูดพูดอย่างไม่เต็มเสียงเต็มใจ ค่าที่ลงทุนต่อรองอยู่เป็นนานแล้วไม่ได้ผล
จะไม่ซื้อก็คงกลัวยายด่า เธออาจต้องเสียหน้ากลางตลาด
ว่าแล้วก็ลุกขึ้นยืน แทบจะโยนเงินเหรียญสิบและเหรียญห้าให้คนขายอย่างเสียไม่ได้
ยายค้อนควักตามเมื่อหล่อนเดินคล้อยหลัง
"ยายจ๊ะ เอามะม่วงสองกอง" ฉันบอก
ยายหยิบมะม่วงใส่ถุงยื่นให้ รับเงินสามสิบบาทจากฉันแล้วก็เริ่มให้ศีลให้พร
"ขอให้คุณเจริญ ๆ ร่ำรวย อยู่ดีมีสุข ขอให้ถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 นะแม่คู้น.."
ใครได้ยินก็คงจะงง ซื้อมะม่วงแค่สองกอง ทำไมต้องให้ศีลให้พรอลังการขนาดนี้
แต่ฉันไม่แปลกใจหรอก
จริง ๆ แล้วยายคงอยากให้พรลูกค้าคนเมื่อกี้มากกว่า
และพรนั้นคงอยู่ฝั่งตรงข้ามกับพรที่ฉันได้รับ
จะดำดิ่งลงสู่เหวลึกขนาดไหนก็ลองประมาณกันดู แต่ยายพูดออกมาดัง ๆ อย่างใจคิดไม่ได้
ฉันซึ่งเข้ามาเป็นตาชั่งอีกด้านหนึ่งในจังหวะนั้นพอดี
จึงถูกหวยอากาศเข้าไปเต็ม ๆ
กลายเป็นนางเอกฝ่ายดีไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น