เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ฉันเคยเดินทางไปบ้านใหม่หมอกจ๋าม
ที่ตำบลท่าตอน อำเภอแม่อาย เชียงใหม่
ถามคนที่นั่นเขาบอกว่า "หมอก" หมายถึงดอก
ส่วน"จ๋าม" คือดอกจำปา ที่บ้านเราเรียกว่าลั่นทมนั่นแหละ
บ้านใหม่หมอกจ๋าม จึงน่าจะเป็นหมู่บ้านที่เคยมีดอกลั่นทมมากมาย
แต่ตอนที่ไปนั้นไม่ค่อยเห็นมีสักเท่าไร
ส่วนคำว่าบ้านใหม่ น่าจะพอเดาได้ว่าหมู่บ้านคงตั้งขึ้นมาไม่นานนัก
บ้านใหม่หมอกจ๋าม เป็นหมู่บ้านชาวไทยใหญ่ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำกก
ปีที่ฉันไปมีจำนวนครัวเรือนราวสามร้อยกว่าหลังคาเรือน
ในจำนวนนั้นมีชาวไทยลื้ออยู่ด้วยประมาณ 10 หลัง
ชาวบ้านมีอาชีพทำนา ทำสวน ปลูกถั่วเหลือง ทำถั่วเน่า
แต่ละบ้านมีตะแกรงไม้ไผ่ตากถั่วเน่ากันเป็นแถว ๆ สวยงามมาก
เสียดายที่ไม่ได้บันทึกสูตรการทำถั่วเน่า อาหารที่มีประโยชน์มากมายนั้นมาด้วย
เพราะมุ่งไปที่เรื่องอื่นมากกว่า
ครั้งนั้นฉันมุ่งหน้าเพื่อไปตามหาช่างกระดาษคนหนึ่ง
ลุงจั่นตา โพธิ
ในปีนั้นลุงมีอายุ 73 ปี
ช่วงที่ไป ภรรยาของลุงเพิ่งเสียชีวิตได้ไม่นาน
ลุงยังมีอาการโศกเศร้า เอารูปป้าวางไว้บนหัวนอน
พลอยทำให้เรารู้สึกสูญเสียไปด้วย
เมื่อป้าตายลุงก็อยู่กับลูกชายคนเล็กวัย 25
ส่วนลูกสาวอีกสองคนมีครอบครัวและแยกไปอยู่ที่อื่น
เมื่อป้าตายลุงก็อยู่กับลูกชายคนเล็กวัย 25
ส่วนลูกสาวอีกสองคนมีครอบครัวและแยกไปอยู่ที่อื่น
ลุงจั่นตา เป็นชาวไทยใหญ่
เดิมอาศัยอยู่ที่เมืองสาด ประเทศพม่า
ต่อมาราวปี พ.ศ. 2508 ได้อพยพครอบครัวเข้ามาอยู่ในเขตไทย
ที่บ้านใหม่หมอกจ๋ามนี่เอง
ระยะที่อพยพเข้ามาใหม่ ๆ ลุงบอกว่าไม่รู้จะประกอบอาชีพอะไร
เพราะไม่มีที่นา และเป็นคนสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง
คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านจึงแนะนำให้ทำกระดาษ
เพราะเป็นอาชีพที่เคยเห็นมาตั้งแต่เป็นเด็ก ในหมู่บ้านเดิมของตัวเอง
ลุงจั่นตาเริ่มทำกระดาษเมื่อปี พศ. 2517
ความรู้และประสบการณ์จากถิ่นเดิมทำให้เริ่มได้โดยไม่ยาก
ความรู้และประสบการณ์จากถิ่นเดิมทำให้เริ่มได้โดยไม่ยาก
ทำแล้วก็ขายให้คนในหมู่บ้านบ้าง ส่งไปขายที่เมืองฝางบ้าง พอเลี้ยงตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ
ลุงยังเล่าอีกว่า ในปี พ.ศ. 2522 ในหลวงเสด็จมาที่หมู่บ้าน
ในหลวงทรงสนับสนุนงานทำกระดาษของลุง
นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลุงจั่นตาเป็นที่รู้จักแก่คนทั่วไป
ในฐานะช่างกระดาษฝีมือดี
วิธีการทำกระดาษของลุง เป็นวิธีการของไทยใหญ่ในเขตพม่า
คือวิธีแตะ (ศัพท์ทางงานกระดาษ คือการใช้มือแตะเยื่อในตะแกรงให้สม่ำเสมอ)
และก่อนที่จะเทเยื่อลงในตะแกรง จะเอาเยื่อใส่ลงในกระบอกไม้ไผ่ที่มีน้ำอยู่จำนวนหนึ่ง
ใช้ไม้ด้ามยาว ที่ทำสลักไม้เสียบอยู่รอบ ๆ กระทุ้งเยื่อในกระบอกให้กระจายตัวดี
จากนั้นจึงเทเยื่อที่ถูกกระทุ้งแล้วลงในตะแกรงสีเหลี่ยม
แตะเยื่อให้กระจายตัวสม่ำเสมอในตะแกรง
แล้วจึงค่อย ๆ ยกตะแกรงขึ้นตั้งให้สะเด็ดน้ำ และยกไปตากแดดเป็นขั้นตอนสุดท้าย
ลุงจั่นตาเป็นช่างกระดาษคนแรกและคนเดียวของหมู่บ้าน
จนกระทั่งปี 2526 จึงเริ่มมีคนอื่นทำบ้าง โดยมาเรียนรู้วิธีการทำจากลุง
ทำเป็นงานเสริม หลังว่างจากงานในไร่นา
ในขณะที่ลุงทำเป็นงานหลัก
ต่อมามีพ่อค้าจากอำเภอแม่สายเข้ามาติดต่อขอซื้อกระดาษเป็นจำนวนมาก
พ่อค้าลงทุนเอาเครื่องตีเยื่อเข้ามาให้ถึงหมู่บ้าน เมื่อ ปี 2531
(บ้านใหม่หมอกจ๋ามมีไฟฟ้าใช้ปี 2530)
เป็นลักษณะการให้ยืมใช้ ยังไม่มีการหักเงินใช้ค่าเครื่องในขณะนั้น
จากที่เคยทำอยู่คนเดียว
ลุงจั่นตาต้องจ้างคนงานมาช่วย บางช่วงมีคนงานถึง 6-7 คน
กรรมวิธีการผลิตที่เคยทำแบบดั้งเดิมจึงต้องเปลี่ยนแปลงให้ทันกับความต้องการ
มีการใช้สารเคมีคือ โซดาไฟ (โซเดียมไฮดรอกไซด์) แทนขี้เถ้า
และผงฟอกคลอรีน เพื่อให้เยื่อขาว แทนสีธรรมชาติที่เคยมีเพียงสีเดียว
และบางทีก็ต้องย้อมสีอื่น ๆ ตามใจลูกค้า
ลุงบอกว่ามีหน่วยงานราชการพาไปอบรมเรื่องการย้อมสี
และสอนทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากกระดาษ
แต่เราก็ไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ใด ๆ นอกเหนือจากกระดาษเป็นแผ่น ๆ และสมุดพับ
เพราะเพียงแค่นี้ลุงก็ทำไม่ทันแล้ว
ลุงบอกว่ามีหน่วยงานราชการพาไปอบรมเรื่องการย้อมสี
และสอนทำผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ จากกระดาษ
แต่เราก็ไม่ได้เห็นผลิตภัณฑ์ใด ๆ นอกเหนือจากกระดาษเป็นแผ่น ๆ และสมุดพับ
เพราะเพียงแค่นี้ลุงก็ทำไม่ทันแล้ว
ภาพชาวบ้านนั่งเรียงกันล้างเปลือกไม้ริมแม่น้ำกกที่เห็นในครั้งแรก
เคยเป็นภาพบริสุทธิ์ สวยงาม ติดตาติดใจ
เคยเป็นภาพบริสุทธิ์ สวยงาม ติดตาติดใจ
แต่เมื่อจินตนาการถึงสายน้ำที่ต้องรองรับสารเคมีเหล่านี้วันแล้ววันเล่าแล้วก็น่าใจหาย
มันเป็นวิถีของความเจริญที่มาพร้อมกับการทำลายซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหมือนฉายหนังเรื่องเดิม ๆ จนเราชินชา ?
ก่อนกลับ ฉันซื้อสมุดพับ (คนเมืองเรียก "ปั๊บ" ) ของลุงมาเล่มหนึ่ง
ถูกใจมากเพราะเล่มใหญ่ได้ใจ กระดาษสาสีธรรมชาติเนื้อเีนียนแน่น
(ตรงนี้ลุงมีเคล็ดลับในการทำกระดาษปั๊บที่น่าสนใจ แต่จะเล่าถึงในวันหลัง)
สมุดพับผูกพันกับวิถีชีวิตของคนโบราณแถบบ้านเรา
ซึ่งน่าจะรวมทั้งอุษาคเนย์
ใช้บันทึกสรรพตำราต่าง ๆ ใช้เรียน ใช้สอน ทำถวายพระ ถวายวัด
จึงทำด้วยความประณีต ถวายเป็นพุทธบูชา
ฝรั่งเรียก Accordion book เพราะต้องพับกระดาษทบไปทบมาแบบหีบเพลงชัก
มีเทคนิควิธีการทำเฉพาะตัว ที่ไม่ง่ายเลย
ปั๊บเล่มที่ฉันซื้อของลุงเล่มนี้ ความกว้างยาวของเล่มคือ 7 1/4 " x 18 3/4 " หนา 2 1/2"
เมื่อคลี่ออก วัดความยาวของกระดาษดูแล้ว อยู่ที่ 27 เมตร
แม่จ้าว !! ฉันซื้อมาในราคา (เมื่อ 20กว่าปีก่อน) เพียง 200 บาท
อยากจะร้องกรี๊ดสส... และเป็นลมแปดตลบ
ให้กับราคาสมุดถูกแสนถูกของลุง
และอีกกรี๊ดสส..ให้กับราคาของทุกอย่างที่แพงขึ้นอย่างเสียสติในวันนี้
ฉันอยากกลับไปเยี่ยมลุงอีก คิดไว้หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยมีโอกาส
ป่านนี้ถ้าลุงยังอยู่ ลุงคงอายุ 90 กว่าแล้ว
หรือถ้าลุงไม่อยู่แล้ว ลูกชายของลุงที่เคยเป็นคนส่งของให้พ่อ
จะทำงานนี้ต่อหรือเปล่านะ
ลมหายใจของกระดาษบ้านใหม่หมอกจ๋ามจะยังมีอุ่นไออยู่หรือเปล่า ?
แม่น้ำกกสายนั้นยังอยู่ดีมีสุขอยู่หรือเปล่าหนอ ?
ล้วนเป็นคำถามที่ชวนให้จินตนาการต่อไปไม่รู้จบ...
เหมือนฉายหนังเรื่องเดิม ๆ จนเราชินชา ?
ก่อนกลับ ฉันซื้อสมุดพับ (คนเมืองเรียก "ปั๊บ" ) ของลุงมาเล่มหนึ่ง
ถูกใจมากเพราะเล่มใหญ่ได้ใจ กระดาษสาสีธรรมชาติเนื้อเีนียนแน่น
(ตรงนี้ลุงมีเคล็ดลับในการทำกระดาษปั๊บที่น่าสนใจ แต่จะเล่าถึงในวันหลัง)
สมุดพับผูกพันกับวิถีชีวิตของคนโบราณแถบบ้านเรา
ซึ่งน่าจะรวมทั้งอุษาคเนย์
ใช้บันทึกสรรพตำราต่าง ๆ ใช้เรียน ใช้สอน ทำถวายพระ ถวายวัด
จึงทำด้วยความประณีต ถวายเป็นพุทธบูชา
ฝรั่งเรียก Accordion book เพราะต้องพับกระดาษทบไปทบมาแบบหีบเพลงชัก
มีเทคนิควิธีการทำเฉพาะตัว ที่ไม่ง่ายเลย
ปั๊บเล่มที่ฉันซื้อของลุงเล่มนี้ ความกว้างยาวของเล่มคือ 7 1/4 " x 18 3/4 " หนา 2 1/2"
เมื่อคลี่ออก วัดความยาวของกระดาษดูแล้ว อยู่ที่ 27 เมตร
แม่จ้าว !! ฉันซื้อมาในราคา (เมื่อ 20กว่าปีก่อน) เพียง 200 บาท
อยากจะร้องกรี๊ดสส... และเป็นลมแปดตลบ
ให้กับราคาสมุดถูกแสนถูกของลุง
และอีกกรี๊ดสส..ให้กับราคาของทุกอย่างที่แพงขึ้นอย่างเสียสติในวันนี้
ฉันอยากกลับไปเยี่ยมลุงอีก คิดไว้หลายครั้งแต่ก็ไม่เคยมีโอกาส
ป่านนี้ถ้าลุงยังอยู่ ลุงคงอายุ 90 กว่าแล้ว
หรือถ้าลุงไม่อยู่แล้ว ลูกชายของลุงที่เคยเป็นคนส่งของให้พ่อ
จะทำงานนี้ต่อหรือเปล่านะ
ลมหายใจของกระดาษบ้านใหม่หมอกจ๋ามจะยังมีอุ่นไออยู่หรือเปล่า ?
แม่น้ำกกสายนั้นยังอยู่ดีมีสุขอยู่หรือเปล่าหนอ ?
ล้วนเป็นคำถามที่ชวนให้จินตนาการต่อไปไม่รู้จบ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น