วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

คนสวน








ฉันเรียกเธอว่า "คุณป้า"
เราต่างไม่รู้จักชื่อของกันและกัน
แต่นับวันดูเหมือนระยะห่างระหว่างเราจะแคบลงเรื่อย ๆ
กลายเป็นความคุ้นเคย  และมีมิตรไมตรีต่อกันมากขึ้น

คุณป้าในวัย 70  ร่างเล็ก ๆ บอบบาง ดูไม่สู้จะแข็งแรงนัก
เพราะมีโรคประจำตัวบางอย่าง
บางครั้งฉันเห็นเธอเผลอถอนใจ หลังจากจัดการกับหมู่ต้นไม้ในสวน
เธอคงจะเหนื่อย

"คนงานไม่อยู่เหรอคะ"  ฉันเอ่ยถาม
"คนงานไม่มีหรอกค่ะ"  เธอยิ้มจาง ๆ  "ออกไปหมดแล้ว"
มิืน่าล่ะ  เธอจึงดูเหน็ดเหนื่อยปานนี้

ฉันเป็นลูกค้าของเธอมานานปี
อะไรไม่รู้ทำให้เธอไว้วางใจ  ถึงกับเล่าเรื่องราวในครอบครัวให้ฟัง

"เดิมป้าอยู่เมืองนนท์  ชีวิตระหกระเหินกว่าจะมาถึงวันนี้
หอบหิ้วลูกเต้ามาตายเอาดาบหน้า.."
ฉันไม่กล้าซักถามอะไรเกินเลยไปกว่าที่เธอเล่า

ตระกูลของเธอสืบทอดการขายต้นไม้มายาวนานหลายรุ่น
และคงจะยังสืบทอดต่อไป
เพราะลูกสาวคนโตของเธอก็กำลังช่วยงานแม่อยู่อย่างขะมักเขม้น

บริเวณสวน.. จะพูดให้ถูกต้องว่าเป็นบริเวณบ้าน  แน่นขนัดไปด้วยต้นไม้
จัดเรียงเป็นกลุ่ม  ไม้ผล  ไม้ดอก  ไม้ใบ

ริมรั้วด้านตะวันออก มีต้นไทร สูงใหญ่  ประมาณอายุไม่ถูก
"ตั้งแต่ป้ามาซื้อบ้านหลังนี้เมื่อ 20 กว่าปีก่อน ก็เห็นอยู่แล้ว" เธอบอก
ส่วนริมรั้วทางตะวันตกเป็นต้นลำไย  เก่าแก่อีกเหมือนกัน แผ่กิ่งก้านปกคลุม
ทำให้บริเวณบ้านซึ่งไม่กว้างนัก ดูแคบลงไปอีกด้วยความร่มครึ้ม

ฉันชอบซอกแซกเข้าไปดูต้นไม้ของเธอตามซอกมุมต่าง ๆ
เธอขายพวกไม้ผลเป็นหลัก  เพราะทำเงินให้เป็นกอบเป็นกำมากกว่า
ดังนั้น เมื่อฉันขอซื้อต้นอื่น ๆ ที่บังเอิญหลง ๆ อยู่ตามซอกตามมุม ไม่ค่อยเข้าพวก
เธอก็มักจะคิดราคาพิเศษให้

นานวันเข้าเมื่อคุ้นเคยกันมากขึ้น  บางต้นเธอก็ยกให้ฟรี ๆ
ด้วยเหตุผลที่ฟังไม่ค่อยขึ้นสักเท่าไร  เป็นต้นว่า

"ต้นนี้ยังไงก็ไม่มีใครซื้อ  ป้ายกให้คุณก็แล้วกัน"
ทำให้ฉันกระอักกระอ่วนใจ  จนต้องพยายามซื้อต้นอื่น ๆ เพิ่ม

ต้นที่ว่า "ยังไงก็ไม่มีใครซื้อ" ของเธอก็คือต้นชำมะเลียง ที่ฉันเองก็เพิ่งเคยเห็น





















หรือไม่ก็  "ฝากคุณปลูกก็แล้วกัน  ป้าไม่มีที่"
เธอเคยให้ฝ้ายคำต้นสูงราว 1 เมตร   โกสนบางพันธุ์  และเข็มแดงดอกใหญ่

ถึงแม้เธอจะขายไม้ผลเป็นหลัก  แต่ฉันก็ได้ต้นไม้ที่หายากจากเธอมาหลายต้น
อาทิ  อโศกสปัน   จำปูน   แก้วเจ้าจอม  หรือไม้ป่าสมุนไพรอย่าง พิลังกาสา

"คุณป้าชอบอาชีพนี้หรือเปล่าคะ"  ฉันเคยถาม
เป็นคำถามทื่อ ๆ  ที่คงไม่เคยมีใครถามเธอมาก่อน
ถามเพราะมันเคยเป็นอาชีพในฝันของฉันเหมือนกัน

"ก็..ตอบไม่ถูกเหมือนกัน  ถ้าไม่ทำก็ไม่รู้จะไปทำอะไร  เพราะครอบครัวเราทำมาอย่างนี้"
"แล้วลูก ๆ ล่ะคะ"
"คนโตเขาคงรับอยู่แล้วล่ะค่ะ  แต่ก็ไม่รู้จะยังไง   เพราะมีคนมาเปิดขายต้นไม้อีกเยอะแยะ   ที่ไหนก็มี คนกลางนี่เฉย ๆ  แต่คนเล็กนี่หลุดไปเลย ไม่สนใจเลย ไม่ชอบ"

คำตอบของเธอแม้จะไม่ได้บ่งบอกถึงความรักมากมายในต้นไม้ที่เธอปลูก
แต่ฉันก็รู้ว่า  เธอคือผู้กุมความลับทั้งมวลแห่งสวนนี้

ไม่ว่าจะถามถึงไม้ต้นไหน  เธอตอบได้หมด
สายตาของเธอมองทะลุกิ่งใบก้านดอก  ลงไปถึงราก  ถึงดิน
รู้ถึงนิสัยใจคอของต้นไม้แต่ละต้น
มีความผูกพัน  เอื้ออาทรต่อกันเหมือนดั่งมีชีวิตจิตใจ

มือที่กรำงานของเธอ แม้จะดูหยาบกร้าน
แต่ก็เต็มไปด้วยพลังแห่งการปลูกสร้าง
บ่มเพาะพืชพันธุ์ให้คนได้ชื่นชมมานับพันนับหมื่น

ฉันรักต้นไม้ แต่ก็ยังเข้าไม่ถึงทั้งหมด
เพราะไม่มีโอกาสได้อยู่ได้ทำมากเท่าเธอ

คนที่มองแต่ละคน เห็นได้ไม่เท่ากัน
เหมือนเช่นฉันกับเธอขณะนี้...


"ต้นไม้เป็นยังไงบ้างคะ"
เมื่อพบกันเธอมักจะถามถึงต้นไม้ที่ฉันได้ไปคราวก่อน ๆ  เหมือนถามข่าวใครสักคน

"ทองอุไร ไม่รู้จะรอดหรือเปล่าค่ะคุณป้า  ยังไม่แตกตาเลย"
เธอขุดต้นทองอุไรต้นใหญ่ให้ฉันไปเมื่อคราวก่อน
"อโศกสปันก็ดูจะไม่รอดเหมือนกันค่ะ  ต้องฝากคุณป้าตอนให้อีกสักกิ่ง"

เธอทำหน้าเศร้า บอกว่า
"ป้าไม่สบายใจเลยเวลามีใครบอกว่าต้นไม้ที่เอาไปแล้ว  ไม่รอด.."
ฉันก็ไม่สบายใจเหมือนกัน  ความรู้สึกนี้คนปลูกต้นไม้จะเข้าใจดี

ฝนตกกระหน่ำติดต่อกันหลายวัน  ชะเอาความแห้งแล้งของฤดูผ่านไป
ฉันรีบย้ายต้นไม้ในกระถางลงดินบริเวณหน้าบ้าน ซึ่งเป็นที่ลุ่มลาดลงเล็กน้อย
ไม่ได้คิดถึงปัญหาน้ำท่วมขังมาก่อนเลย

มดง่ามพากันชักแถวอลหม่าน เตือนภัยที่ใกล้จะมาถึง

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ฝนเจ้ากรรมก็กลับตกกระหน่ำไม่ยอมหยุด
พร้อมกับข่าวการมาเยือนของพายุใต้ฝุ่นลูกใหม่  ระลอกแล้วระลอกเล่า

ต้นทองอุไรผู้ไม่ชอบความชื้นแฉะนานวัน ชิงจากไปก่อนแล้ว
ตามมาด้วยพวงแสดต้น  ราชาวดีสีม่วง  บานบุรีม่วงและเหลืองคีรีบูน
ไม่เว้นแม้กระทั่งราตรีกอใหญ่ ที่เคยส่งกลิ่นหอมฉุนจนปวดหัวในยามค่ำ

ความสูญเสียนี้แม้จะไม่ยิ่งใหญ่อะไรนัก  แต่ก็ทำให้ห่อเหี่ยวอาวรณ์อยู่พักหนึ่ง

ความผูกพันของคนสวนกับต้นไม้ที่ปลูก
ก็คงเหมือนกับความผูกพันระหว่างคนกับสิ่งอื่น ๆ

หลังฝนหยุด ฉันแวะไปเยี่ยมเยียนคุณป้า  หลังจากหายหน้าไปเป็นเดือน
ถามข่าวคราวเธอเรื่องน้ำท่วม

"ท่วมนิดหน่อยค่ะ  น้ำมันระบายไม่ทัน  ถ้าตกหนัก ๆ สักชั่วโมงสองชั่วโมง นี่ขึ้นมาถึงนี่เลย"
เธอชี้ให้ดูขอบซีเมนต์อันเป็นที่ตั้งกระถางและกระสอบขุยมะพร้าว  ขี้เถ้าแกลบ
"ชินแล้วค่ะคุณ  เรื่องร้าย ๆ  อะไรจะเกิดก็ทำใจรอได้ตั้งแต่ต้น"

ได้น้ำฝนติด ๆ กัน ต้นไม้บ้านเธอก็ยิ่งแตกกิ่งออกใบ  จนรู้สึกร่มครึ้มยิ่งกว่าทุกครั้ง
ถ้าเดินซอกแซกเข้าไปตามช่องทางเดิน ก็จะถูกฝูงยุงรุมเข้ามากัดเป็นพัลวัน
จนต้องยอมแพ้ล่าถอย

"เวลามีลมพายุ คุณป้าไม่กลัวไทรต้นนี้หรือคะ"  ฉันถาม
เธอแหงนดูไทรใหญ่จนคอตั้ง
"เคยเจอลมหนัก ๆ เหมือนกันค่ะ  แต่ยังไม่เป็นไร"
เราพากันหัวเราะกับคำว่า "ยัง"
ไทรต้นนี้อยู่ห่างจากตัวบ้านไม่ถึง 10 เมตร

ฝนทำท่าจะห่างหายไป  แดดจ้ามา 3-4 วันแล้ว
ฉันลงสวนลุยเกี่ยวหญ้าที่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
พื้นดินยังคงเฉอะแฉะ  บางช่วงได้กลิ่นหญ้าเน่าโชยมา

ต้นไม้ที่น่าจะทนแสนทนอย่างโกสนก็ยังตายได้
เป็นเพราะน้ำท่วมขังตรงแอ่งนี้มากและนานกว่าที่อื่น

ฉันเกี่ยวหญ้ารอบ ๆ สวนจนดูโล่งตา  เหงื่อท่วมตัว
หลังเกี่ยวหญ้า มุมมองรอบบ้านดูมีมิติที่เปลี่ยนไป

ต้นชำมะเลียงของคุณป้าแตกยอดใหม่
ใบที่ออกใหม่ดูตลก เพราะเป็นใบกลม ออกแนบติดกิ่ง ในขณะที่ใบอื่นยาวเรียว

กรรณิการ์ขยันออกดอกเสียจริง ๆ
ดอกขาวสะอาด  ก้านสีแสดสด ร่วงพรูลงรอบโคนต้น
ตกค่ำก็ส่งกลิ่นหอมแรง  แข่งกับรสสุคนธ์ที่บานดอกอยู่หลังบ้าน

ด้วยภาระหน้าที่หลายอย่าง บางช่วงฉันก็ห่างการดูแลสวนไปบ้าง
โดยเฉพาะช่วงที่วางใจว่ามีน้ำฝนดูแล
แต่บางทีช่วงที่วางใจที่สุด ก็กลับกลายเป็นช่วงที่อันตรายที่สุด

ต้นไม้บางต้นแอบจากไปอย่างเงียบ ๆ ด้วยความประมาทของเจ้าของ

การปลูกต้นไม้จึงสอนให้ฉันรู้อีกอย่างหนึ่งว่า  คนสวนนั้นขี้เกียจไม่ได้





ฉันไม่ได้แวะไปสวนคุณป้าอีกนานนับเดือน

ในระหว่างนั้นมีสวนขายต้นไม้มาเปิดใหม่อีกแห่งหนึ่ง
อยู่คนละทิศกับสวนของคุณป้า  แต่สวนใหม่มีทำเลดีกว่า
อยู่ริมถนนใหญ่ที่มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา
มีที่ทางกว้างขวางสำหรับจอดรถ  กลับรถ

ที่สำคัญสวนใหม่มาพร้อมกับฟอร์มใหญ่
มีต้นไม้ทุกชนิดให้เลือกซื้อ  ทั้งเล็กทั้งใหญ่
ทั้งไม้ดอก ไม้ใบ รวมทั้งไม้ไทยที่หายากและเลี้ยงยาก
มีวัสดุอุปกรณ์ที่ต้องใช้ครบถ้วน
เจ้าของสวนคุยว่า  "สวนเราใหญ่ที่สุดในจังหวัด"  ซึ่งก็คงจะจริง

แต่ก็แปลก  บางทีความสมบูรณ์เพียบพร้อมก็กลับขาดเสน่ห์บางอย่าง
ไม่เหมือนการได้ออกไปแสวงหา
และได้ค้นพบสิ่งมีค่าทีละอย่าง ๆ  อย่างยากเย็น

ฉันแวะเข้าไปดูประสาคนรักต้นไม้
และไม่วายสำรวจบุคลิกภาพของ "คนสวน" ไปด้วยในตัว

แต่แล้วฉันก็ได้พบว่า  ที่นี่ไม่มี "คนสวน"
เหมือนที่ได้พบกับคุณป้าจากสวนเก่า

สวนใหม่ คนที่ฉันได้พบคือคนงาน ที่เพียงแต่คอยยกต้นไม้ให้ลูกค้า
คนงานที่คงไม่สามารถพูดคุยเรื่องต้นไม้กับลูกค้าได้
ส่วนใหญ่ก็จะมีบุคลิกจ๋อง ๆ ปิดปากเงียบ  เพราะเป็นแรงงานต่างด้าวเกือบทั้งหมด

นอกเหนือจากคนงาน ฉันยังได้พบ "นายจ้าง" หญิงวัยกลาง แต่งตัวสวย หน้านวล
เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะบัญชีด้านใน  ตาจ้องมองโทรทัศน์ตลอดเวลา
ฉันเดินเข้าไปต่อรองราคาต้นไม้กับเธอ
เธอลดให้นิดหน่อย ตามธรรมเนียมคนไทย ที่ตั้งราคาเผื่อต่อ

หลังจากบอกราคา และรับเงิน เธอก็ไม่สนใจอะไรอีก นอกจากละครในโทรทัศน์ที่กำลังเข้มข้น
หากถามอะไรต่อเธออาจจะด่าเอาก็ได้

จากสวนใหม่ ฉันได้ชบาสีม่วงอ่อนกลับมาบ้าน 1 ต้น
ชบาราบานอวดกลีบ อวดสีงามแปลกตา  มีดอกตูมรอบานให้ชมอีกนับสิบดอก
เป็นผลมาจากการเร่งปุ๋ยไว้เต็มที่

บ่ายวันนี้อากาศร้อนอบอ้าว  ท้องฟ้าปิด
มีสัญญาณแปลก ๆ จากท้องฟ้า
ฉันเก็บชบาต้นใหม่ไว้ในเรือนเพาะชำ

ลมพายุเริ่มกระโชกแรง  ตามมาด้วยฝนตกหนัก

ฉันกังวลถึงไทรต้นใหญ่  และมดตัวเล็ก ๆ...








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น