จักรซิงเกอร์หลังนี้อายุมากกว่าฉันราวปีสองปี
แม่เคยเล่าความหลังครั้งชีวิตยังอบอวลด้วยความรัก ช่วงแต่งงานใหม่ ๆ
จักรหลังนี้คล้าย ๆ จะเป็นของขวัญที่พ่อซื้อให้แม่หลังการแต่งงาน เพราะแม่อยากได้มาก
ราคาในยุคเมื่อ 60 ปีก่อนนั้น 3500 บาท
หากเอามาเทียบกับค่าของเงินในสมัยนี้ คูณด้วยสิบ จะได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
นับว่าไฮโซเอาการ แม่ฉัน
ทั้งที่พ่อเป็นเพียงเสมียนตัวเล็ก ๆ ของบริษัทขนส่งทางรถไฟแห่งหนึ่ง
แม่ก็เป็นเพียงแม่ค้าขายข้าวแกง ในร้านของพี่สาวที่ได้สัมปทานจากสถานีรถไฟ
ไม่เคยได้เงินเดือนจากพี่สาว
ได้เพียงกินอยู่ฟรี และทำงานให้อย่างหนักตลอดเวลาหลายปี
แม่เล่าว่า ป้าสัญญาว่าจะซื้อทองให้แม่เป็นค่าตอบแทน
แต่ก็ไม่เคยให้ เพราะป้าติดเล่นหวยจนงอมแงม
ขายของดีแค่ไหน ได้เงินมากแค่ไหนก็ไม่เคยมีเหลือ เพราะไปเสียกับการเล่นหวย
มีหนี้มีสินรุงรังจนกระทั่งเลิกกิจการไป
ความรักในการเย็บผ้า ตัดผ้าของแม่แท้ ๆ ที่ทำให้ใจกล้า คิดซื้อจักรแพง ๆ อย่างนี้
ทั้งที่ไม่มีโอกาสได้ร่ำเรียนการตัดเย็บจากสถาบันไหน
แต่แม่ก็ขวนขวายเรียนด้วยตัวเอง
จากหนังสือผู้หญิงที่มีในยุคสมัยนั้น เช่นแม่บ้านการเรือน หรือศรีสัปดาห์
ฉันยังเก็บสมุดวาดแพทเทิร์นเล่มหนึ่งของแม่ไว้จนบัดนี้
แม่เรียนหนังสือแค่ชั้น ป.4 แต่ลายมือสวยอย่างน่าทึ่ง
เป็นลายมือตัวโต ๆ ที่มีเส้นมั่นคง สม่ำเสมอ
เวลาเขียน แม่ตั้งใจและมีสมาธิอย่างยิ่ง
น่าแปลกอีกอย่างที่แม่เป็นคนชอบเขียนบันทึก ดูผิดวิสัยคนเรียนมาน้อย
ไปทำอะไร ที่ไหน เมื่อไร แม่เขียนไว้หมด
ใครพูดอะไรที่กระทบกระเทือนใจ หรือประทับใจ ก็จะบันทึกไว้
แม้แต่ดูโทรทัศน์ ตอนไหนใครพูดอะไรที่โดนใจก็จะจดไว้หมด
กระดาษจดของแม่มีไปทั่ว ตั้งแต่เศษกระดาษที่ใคร ๆ ทิ้ง
ขอบหนังสือพิมพ์ส่วนที่ว่างอยู่ กระดาษซองบุหรี่
เรียกว่ากระดาษอะไรก็ตามที่มีที่ว่างให้เขียนและอยู่ใกล้มือ แม่คว้ามาเขียนได้ทั้งนั้น
หลังจากนั้นก็จะรวบรวมไปเขียนลงในสมุดบันทึกเล่มเล็กเล่มน้อยของแม่
ที่มีหลายเล่ม หลายขนาด ตามแต่จะมีใครให้มา
ในตะกร้าใบเล็ก ๆ ของแม่ ที่หิ้วขึ้นหิ้วลงจากบ้านชั้นล่างขึ้นชั้นบน หรือหิ้วไปไหนมาไหน
นอกจากจะเต็มไปด้วยยาดม ยาหม่อง ยาหอม และสารพัดยาแล้ว
ก็จะต้องมีสมุดบันทึกและปากกาอยู่ด้วยเสมอ
ผลงานตัดเย็บเสื้อผ้าที่แม่เรียนจากหนังสือ
ก็คือเสื้อผ้าของลูก ๆ
ทั้งชุดที่ใส่อยู่บ้านและเสื้อผ้าชุดนักเรียน กระโปรง กางเกง
ที่แม่ตั้งใจตัดให้ใหญ่เกินตัวไว้เสมอ
ฉันยังจำความรู้สึกอายเพื่อนได้
เมื่อต้องนุ่งกระโปรงยาวจนเกือบถึงตาตุ่มไปโรงเรียน
ดูเหมือนเราแทบจะไม่มีโอกาสได้ใส่เสื้อผ้าตัวใหม่ที่พอดีตัวเลยสักครั้ง
มีแต่เสื้อผ้า "เผื่อโต" แทบทั้งสิ้น
เมื่อพวกเราโตขึ้นและแยกย้ายกันไปเรียนหนังสือไกลบ้าน ไกลจากแม่
แม่ก็ไม่มีโอกาสเย็บเสื้อผ้าให้พวกเราใส่อีก
จักรของแม่ถูกทิ้งว่างไม่ได้ใช้งานอยู่นานหลายปี
จนผ้าคลุมจักรดั้งเดิมสีน้ำตาล ลายดอกไม้คุ้นตาผืนนั้นเปื่อยขาดหมด
แต่แม่ก็ยังคงหยอดน้ำมันจักรของแม่อยู่ไม่ขาด
ครอบครัวเราย้ายบ้านหลายครั้งหลายหน
แต่ก็ยังขนจักรหลังนี้ไปด้วยทุกครั้ง
กระทั่งสุดท้าย แม่ยกให้เป็นสมบัติของฉัน
จักรหลังนี้จึงได้ตามฉันมาอยู่ที่บ้านหลังปัจจุบัน
ฉันใช้จักรเย็บผ้า หัดตัดเสื้อผ้า ซ่อมแซมอะไรต่อมิอะไรมากมาย
ใช้งานหนักจนรู้สึกสำนึกในบุญคุณ
มีคนแนะนำให้ซื้อมอเตอร์มาใส่ จะได้เย็บเร็วขึ้น
แต่ฉันอยากถีบจักรแบบเก่ามากกว่า
ไม่เห็นจำเป็นต้องเร็วอะไรกันนักหนา
แวบหนึ่ง คิดถึงสิ่งที่มหาตมะคานธีเคยบอกว่า
เครื่องมือเครื่องใช้สมัยใหม่ที่ท่านยอมรับได้เพียงอย่างเดียวก็คือ จักรเย็บผ้า
แต่ถ้าคานธีรู้ว่าจักรเย็บผ้ายุคนี้พัฒนาไปไกลขนาดไหนแล้ว
ท่านจะยังยืนยันความคิดเดิมอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้...
วันหนึ่ง จักรของฉันมีอาการรวนเรบางอย่าง
จนต้องไปตามหาช่างมาซ่อม
ช่างที่มาซ่อมให้ เป็นช่างประจำร้านซิงเกอร์ ชื่อช่างปรีชา
ช่างบอกฉันเมื่อซ่อมเสร็จแล้วว่า
"รักษาจักรหลังนี้ให้ดีนะครับ เป็นของแท้
กระสวยนี่ก็เป็นของแท้ ติดมากับจักร"
จักรหลังนี้เป็นจักรที่นำเข้าจากอังกฤษ
เขาบอกให้ฉันดูสัญญลักษณ์บางอย่าง บางที่ที่ฉันไม่เคยสนใจสังเกตมาก่อน
ของแท้นี่เองจึงราคาสูง และใช้งานได้ดี ทานทน ทนทานมาจนทุกวันนี้
หลังจากช่างเปลี่ยนอะไหล่บางตัวที่เสื่อมทรุดไปตามกาลเวลา
จักรหลังนี้ก็กลับมาใช้งานได้ดีเหมือนเดิม
แม้ลวดลายบางส่วนหลุดลอก
พื้นโลหะบางที่ที่ใช้งานบ่อยถลอกปอกเปิก
พื้นไม้บางส่วนมีรอยขีดข่วนจากการใช้งาน
และฝาผนังบางส่วนเริ่มเคลื่อนตัวแยกออกจากรอยเดิม
แต่แก่นแท้ คือโครงสร้าง และชิ้นส่วนสำคัญของจักรยังดีอยู่
จนนึกอยากติดทองคำเปลวตรงไหนสักที่ เป็นการคารวะ
ฉันเคยซื้อจักรอีกหลังหนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้
ด้วยความคิดที่อยากทนุถนอมจักรหลังเก่า ไม่อยากให้ใช้งานหนักมาก
จะได้อยู่ด้วยกันนานๆ
จักรใหม่ตรานกหรือตาปลาอะไรสักอย่าง เมดอินไชน่า
ราคาแค่สองพันบาท เห็นแก่ของถูก
ซื้อมาแล้วก็เหมือนโยนเงินทิ้ง เพราะเป็นจักรที่ห่วยแตก (ทั้งที่ทดลองเย็บดูที่ร้าน ก็ดูดี)
แทบอยากยกไปคืนเจ๊เจ้าของร้าน แต่รู้ว่าไม่มีทาง
ของถูกจึงกลายเป็นของแพงอย่างยิ่ง
ไป ๆมา ๆ ฉันก็ต้องกลับมาใช้จักรเก่า ที่ดีงามเสมอต้นเสมอปลาย
จักรใหม่ที่ใช้ไม่กี่ครั้ง กลายเป็นขยะ เป็นของรกบ้าน
หากจะมีราคาอยู่บ้างก็ตรงที่จะถูกแยกส่วน เอาขาจักรออกมาทำเป็นขาโต๊ะ
จักรสองหลังทำให้คิดเรื่องของแท้ ของเทียม ไปได้อีกยาวไกล
วันหนึ่ง ฉันไปตามช่างปรีชาที่ร้านเดิม
คิดว่าจะวานช่างมาช่วยล้างเครื่องข้างในให้ใหม่หมดจดอีกสักรอบ
พนักงานที่ร้านบอกข่าวว่า
"ช่างปรีชาเสียไปหลายเดือนแล้วครับ"
ใจหาย...
เหมือนช่างเพิ่งบอกฉันเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง..
ว่ารักษาจักรหลังนี้ให้ดีนะครับ
ผืนผ้าแห่งชีวิตของเราแต่ละคน กว้างใหญ่ และสั้นยาวไม่เท่ากัน
เรื่องราวบนผืนผ้าล้วนแตกต่าง อยู่ที่ตัวเราจะเป็นผู้กำหนดลวดลายและสีสัน
ฝีจักรที่เหยียบย่ำไปบนผืนผ้า ตอกย้ำเรื่องราวที่เราเองเป็นผู้กำหนด ผืนแล้วผืนเล่า
บางผืนมีความงดงาม ความสุข และรอยยิ้มจากการเย็บ
บางผืนอาจปวดร้าว ขมขื่น ที่เกิดจากเหตุไม่คาดคิดอันหลากหลาย
วันนี้ช่างปรีชาเลือกที่จะหยุดเย็บไปก่อนแล้ว
จักรหลังเก่าของคนสองรุ่นยังคงนิ่งสงบอยู่ที่ริมหน้าต่าง
รอให้เจ้าของจักรเข้าไปใช้งาน ตกแต่งผืนผ้าของตัวเองต่อไป
ฉันหวนนึกเห็นภาพตัวเองนุ่งกระโปรงนักเรียนยาวถึงตาตุ่ม
น้องชายใส่กางเกงตัวโคร่ง เอวสูง
เป็นภาพอดีตที่ทำให้ยิ้มกับตัวเองได้ทุกครั้ง แม้ลึก ๆ น้ำตาจะเอ่อล้นอยู่ภายใน
วันนี้...ผืนผ้าแห่งชีวิตของฉัน ยังคงถักทอทำงาน
ท่ามกลางความผันแปร ซับซ้อนที่ยากจะรู้ว่าสิ่งใดแท้ สิ่งใดเทียม
คิดถึงแม่และความรักของแม่ที่มีให้ลูกอย่างไม่มีข้อจำกัด
ของแท้ที่ไม่มีใครกล้าปฏิเสธ
และคิดถึงคำพูดของช่างที่บอกว่า
รักษาจักรหลังนี้ให้ดีนะครับ...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น