วันเสาร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

งานสำคัญ







ตอนที่ตาจันทร์มาส่งเสียงเรียกที่ประตูหลังบ้าน  ฉันเพิ่งกลับมาจากข้างนอก
วางกระเป๋าไว้บนโต๊ะ  ตั้งใจว่าวันนี้จะเริ่มทำงานสำคัญเสียที

เสียงเรียกของตาจันทร์ฟังไม่ได้ศัพท์
แต่ก็จำต้องลุกออกไปดู 

"เอาปลามั้ย"  
ตาจันทร์ชายสูงวัยใกล้ 70 ยื่นถุงปลาให้ดู

ฉันถามว่าไปเอามาจากไหน  แกตอบว่าที่หนองน้ำโน่น พลางชี้มือไปทางทิศใต้
"ปลาอะไร"
"ปลาขาว"

ปลาตัวเล็กตัวน้อยเกล็ดสีเงิน  ปลายหางเป็นสีแสดสด
นอนแอ้งแม้งอยู่ในถุง"คอบแคบ"  - ตายหมดแล้ว
ถ้ายังเป็น ๆ ฉันคงไม่เสียเวลาซักถาม

"ลุงไม่ไปขายข้างใน"  ฉันหมายถึงหลังบ้านที่เป็นโรงงานเล็กๆ
มีคนงานอยู่จำนวนหนึ่ง

"ไปมาแล้วครับ  ไม่มีใครเอา.."
อ้าว..ฉันอุทานอยู่ในใจ  ก็เหลือเราคนเดียวงั้นสิ

ด้วยความใจอ่อนอันเป็นสันดานติดตัว
ฉันจึงเหมาซื้อปลาลุงจันทร์ทั้งหมดสามถุง 30 บาท

"ทอดได้มั้ย"  ฉันถาม ด้วยไม่คุ้นเคยกับปลาชนิดนี้
"ได้ครับ"  ลุงจันทร์ตอบรับแข็งขัน
รับเงิน 30 บาทไปด้วยสีหน้าแช่มชื่น

ไหน ๆ มือก็จับถุง ติดกลิ่นติดเมือกลื่นของปลาแล้ว
จึงจัดการเทใส่กะละมังล้างเสียเลย

กลิ่นคาวปลาคลุ้งไปทั่วบริเวณ

กางเกงขายาวสีครีมที่ใส่เป็น "ชุดนอกบ้าน"
เมื่อกี้ตั้งใจตอนกลับมาถึง ว่าจะไปเปลี่ยนเป็น"ชุดอยู่บ้าน" ให้สบาย ๆ
ก็เลยไม่ทันได้เปลี่ยน

ฉันหิ้วกะละมังปลาไปนั่งข้างก๊อกน้ำนอกบ้าน
มีปลาตัวเขื่อง ๆ ติดมาด้วยหลายตัว
จึงจำต้องลุกไปหยิบมีดด้ามเล็กมาผ่าท้อง ควักขี้ควักไส้ออกทิ้ง

แมลงวันหัวเขียวจมูกไวพากันมารุมตอมอย่างน่ารำคาญ
ฉันล้างปลาไปหงุดหงิดไป

ทำไมหนอจึงเกิดชะตากรรมอันไม่คาดคิด
ฉันไม่ได้อยากจะทำปลาเลยแม้แต่น้อย

งานสำคัญที่ตั้งใจจะทำแท้ ๆ กลับไม่ได้ทำ

แล้วดูสารรูปตัวเองซิ 
กางเกงขายาวสีครีมสะอาด  เสื้อลายดอกกุหลาบสีเหลือง
จู่ ๆ ต้องมานั่งยงโย่ยงหยก กรีดท้องปลา  เลือดแดงเต็มกะละมัง
เหมือนเล่นบทนางพญามาร

ฉันประหวัดคิดถึงเหตุการณ์ทำนองนี้  หลายครั้งหลายหน

สิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นเฉพาะหน้า
ทำให้สิ่งที่คาดคิดไว้ล่วงหน้า ไม่อาจเป็นไปตามที่หวัง

เพียงแต่ฉันจะพูดคำว่า "ไม่"  ทุกสิ่งก็จะจบ
และเป็นไปตามแผนเดิมมิใช่หรือ

นี่เป็นเพราะวาสนา หรือ"กรรมเก่า" แห่งตน
ขี้สงสาร  คิดแทน รู้สึกแทนคนอื่น

ในขณะที่คนที่ถูกสงสาร ก็อาจไม่ได้ซาบซึ้งหรือสำนึกอะไรเลยก็ได้

ตาจันทร์อาจจะกำลังนั่งซดเหล้าอยู่ที่ร้านชำหน้าหมู่บ้าน
ด้วยเงิน 30 บาทที่เพิ่งได้ไป

คนที่น่าสงสาร น่าจะเป็นตัวฉันเองเสียมากกว่า

เรามักจะละเลยสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต
เราเสียเวลามากมายกับการทำงาน หรือทำในสิ่งที่ไม่ชอบ หรือสิ่งที่หาสาระไม่ได้
และมักคิดว่า วันหนึ่งจะได้ทำสิ่งที่สำคัญ หรือสิ่งที่ชอบนั้น
เรามีความหวังกับการรอคอย..

แต่สำหรับบางคน  โอกาสเช่นนั้นไม่เคยมาถึง


กว่าฉันจะจัดการกับปลา และจัดการกับกลิ่นคาวปลาของตัวเองเสร็จ
เวลาก็ล่วงเลยไปจนบ่ายแก่

ขอเอนหลังสักหน่อยเถอะ - เป็นเสียงกระซิบจากข้างใน
สำหรับฉันไม่มีอะไรจะสุขเท่ากับการนอน

ตื่นมาอีกที ก็ถึงเวลาเตรียมอาหารเย็นและงานแม่บ้านสารพัด

"งานสำคัญ"  ยังคงวางอยู่บนโต๊ะ สงบนิ่ง

งานในครัวเสร็จสิ้นทุกอย่างเมื่อเวลาทุ่มเศษ
ติดตามข่าวสารบ้านเมืองจากโทรทัศน์บ้างนิดหน่อย

"เอาล่ะ.. ได้เวลาทำงานสำคัญกันเสียที" 

ฉันลุกจากเก้าอี้หวายหน้าทีวี
บิดขี้เกียจ..และหาวนอน
ก่อนจะไปนั่งซึมอยู่หน้าโต๊ะ












ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น