หมาน้อยพันธุ์ผสม อายุยังไม่ถึงขวบปี
โผล่หน้ามาที่บ้านในวันปีใหม่
จู่ ๆ ก็มาแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้
เพื่อนสนิทที่เป็นคนรักหมา
และบังเอิญสัญจรมาเยี่ยมในวันนั้นพอดี บอกว่า
"ให้ชื่อไอ้ปีใหม่ไปเลย"
แต่เราอยากจะเรียกมันว่าไอ้หลงมากกว่า
มาจากไหนกันล่ะนี่ ไม่ได้เชื้อไม่ได้เชิญ
บ้านนี้ไม่ใช่คนรักหมาเสียด้วย
ความรู้สึกแรกจึงเป็นความกังวลใจ มากกว่าความยินดี
แม้เพื่อนจะอ้างคำโบราณบอกว่า มีสัตว์สองเท้า สี่เท้าเข้าบ้านจะโชคดี
ฉันจึงบอกให้เธอเอาใส่รถกลับไปด้วย
เพื่อนก็ปฏิเสธ เพราะเธอก็อุ้มชิวาวา ติดรถมาด้วยตัวหนึ่งแล้ว
เจ้าปีใหม่ หมาหลงที่ยังไม่รู้สาเหตุแห่งการหลง
ทำตัวเป็นขาใหญ่ประจำบ้านตั้งแต่วันแรก (ทั้งที่ขาสั้นและเล็กนิดเดียว)
ด้วยการไล่กัดนางทอม หมาใหญ่เจ้าถิ่น - แน่นอนต้องทำต่อหน้าเรา
เพราะต้องการอวดศักดาว่า ..กูนี่แหละคือผู้ครอบครองนาย..
ผลของการหลงตนแบบโง่ ๆ ก็คือ
ถูกนางทอม หมาแม่ลูกอ่อน ขย้ำเกือบตาย
ถ้าเราไม่เข้าไปปรามนางทอมให้เลิกรังแกเด็ก ป่านนี้จะเป็นยังไงไม่รู้
มันเป็นหมามีเจ้าของแน่ ๆ
เพราะมีผ้าสีส้มและเขียว ผูกคอไว้
กับทั้งนิสัยที่บ่งบอกว่ามีคนเคยเล่นกับมันมาก่อน
มันพลัดหลงกับเจ้าของ ? หรือถูกทิ้งอย่างจงใจ ?
บ้านเราตั้งอยู่โดดเดี่ยวกลางป่า มันจะพลัดหลงมาได้ยังไง..
ใจประหวัดไปถึงเรื่องที่มีคนเล่า ว่ามีคนหากินกับหมา
โดยทำทีอาสารับหมาไปเลี้ยงให้ จากคนที่เลี้ยงไม่ไหว
รับเงินรับทองเป็นค่าจ้างมาดิบดี ก็เอามาปล่อยตามหน้าบ้านคนอื่น
บางทีรับมาหลายตัว หลายเจ้า
ปล่อยพรูออกมาจากถุงเป็นฝูง..
เอ่อ..ใจหมาจริง ๆ
อ้าว..ลืมไป ด่าอย่างนี้ก็กระเทือนหมาอยู่ดี - ต้องขอโทษหมาจริง ๆ นะ
ถึงจะไม่ใช่คนรักหมาแบบฮาร์ดคอร์ ไม่ชอบเล่นด้วย
ไม่เคยเรียก "น้องหมา" และหมั่นไส้เวลาได้ยินใครเรียก
หรือเห็นใครให้หมาเลียหน้าเลียตา อุ้มหมาไปซื้อกับข้าวหม้อเดียวกับเรา
แต่ก็ไม่ได้เกลียด..
ไม่เคยทำทารุณกรรมสัตว์
อาจยกตีนทำท่าเตะบ้างในบางครั้งที่มันแอบย่องเข้ามาหยอกกัดส้นเท้า
แล้วหงุดหงิด ไม่มีอารมณ์เล่นด้วย
รำคาญกับนิสัยเป็นเด็กไม่เลิกของหมาฝรั่ง
แต่ก็ยังให้ข้าวมันกิน
ไอ้หลงเข้าข่ายหมาเด็กขี้เล่นที่เรารำคาญเป๊ะ
มาวันแรกก็คาบรองเท้าหายไปหลายคู่ เพื่อเรียกร้องความสนใจ
กระเป๋าเก่า ๆ ห้อยอยู่ที่โรงรถ กี่ใบต่อกี่ใบ กระโดดคาบลงมาฟัดเละ
หมอนเก่า ลากลงมาตะกาย นุ่นปลิวเกลื่อนบ้าน
โอ้..ถ้าเป็นเด็ก 5 ขวบ 10 ขวบ คงเล่นกันสนุกสนานไปเลย
แต่คนแก่สองคน.. ความดันขึ้น
ความวิตกจริตเริ่มก่อตัวมากขึ้น
เมื่อไอ้หลงไล่เห่าคนที่ขี่รถผ่านหน้าบ้าน
จะประกาศศักดาอีกรอบว่า ..กูเป็นหมาบ้านนี้นะเฟ้ย..
กับทั้งนังทอมเพิ่งก่อวีรกรรมทำนองนี้มาหยก ๆ
(เรื่องนังทอม เป็นหนังเรื่องยาวอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะเล่าทีหลังหากมีโอกาส)
นังทอมไล่กัดคนที่เดินผ่านหน้าบ้าน
กัดจนเป็นแผลลึก
คนถูกกัดเรียกร้องค่าเสียหายจากเจ้าของของมัน สองพันบาท
เจรจากันอยู่หลายวัน
เรากลัวจะต้องจ่ายเงินแบบเจ้าของนังทอม
เลยต้องหาทางปลดปล่อยไอ้หลงโดยเร็ว
เด็กหนุ่มข้าง ๆ บ้าน ถูกเรียกมาไหว้วาน
เขารับอาสาขมีขมัน มีถุงปุ๋ยมาด้วย
ใส่ถุงเพื่อไม่ให้มันจำทางได้
"ผมรู้ว่าจะเอามันไปไว้ตรงไหน"
เขาบรรยายความพร้อมของสถานที่แห่งนั้นจนเราอุ่นใจว่ามันจะอยู่รอด
ฉันจินตนาการตาม สถานที่แห่งนั้นฉันก็รู้จัก เพราะเคยผ่าน
..ไปดีนะเอ็ง.. อย่าว่าใจจืดใจดำเลย
เราไม่พร้อมที่จะรับเลี้ยงใครแบบผูกมัดถาวร
หลังจากไอ้หลงไปแล้วสักสิบวัน
ฉันขับรถออกจากบ้านไปตามเส้นทางปกติ
ฉันเห็นไอ้หลง!
ไอ้หลงแน่ ๆ หน้าตาอย่างนี้ เชือกที่คอยังอยู่
สิ่งที่เพิ่มเข้ามาคือไอ้หลงใส่เสื้อหมา สวยงาม
ดูร่าเริง มีความสุขแบบหมาเด็กของมัน
เดินไปเดินมาตรวจตราหน้าร้าน
ตรงนั้นเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวริมทาง กลางทุ่ง
เลยบ้านเรามาแค่กิโลเมตรเดียว
หรือว่าเป็นบ้านเก่าของมัน
ที่ตรงนี้ก็ห่างไกลจากที่ที่พ่อหนุ่มนั่นบอกไว้ไม่ใช่น้อยเลย
หรือมันเดินดมกลิ่นกลับมาเองได้
หรือพ่อหนุ่มนั่นหลอกเรา
ต่อจิ๊กซอว์ไม่ถูกเลย..
เอาล่ะ ยังไงเราก็สบายใจ
ที่เห็นมันมีความสุข
ลุแก่โทษทอดทิ้งหมาไปได้..
แวบหนึ่ง..อดคิดไม่ได้ว่า
บางทีชีวิตเราก็ไม่ต่างจากหมาหลง
บนโลกอันกว้างใหญ่ เรามีสิทธิ์หลงได้ตลอดเวลา
เธอก็หลง ฉันก็หลง
ไม่ว่าจะเป็นหมาเล็กหรือหมาใหญ่
แม้จะบอกว่าฉันดีกว่า เพราะฉันเป็นคน
ฉันดีกว่า เพราะฉันมีบ้าน
แต่จริงหรือ ว่านี่คือบ้านของฉัน..
บ้านของเราแต่ละคน
ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ มีหรือไม่มี
เราก็มีสิทธิ์หลงได้ตลอดเวลา..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น