เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร

พระนางมีนักษีหรือพระนางปารวตีเป็นพระชายาของพระศิวะ
ผู้เป็นที่เคารพบูชาอย่างยิ่งของชาวฮินดู
คำว่า"มีนักษี" แปลว่า ดวงตาเรียวเหมือนตัวปลา เป็นคุณสมบัติหนึ่งของหญิงงามสมัยนั้น
เจ้าแม่ผู้มีดวงตาเรียวงามเหมือนตัวปลา
เป็นเทพีผู้ปกปักรักษาเมืองมธุไร

ปกติเทวาลัยที่กระจายอยู่ทั่วไปในทมิฬนาฑูถือเป็นถิ่นที่ของพระศิวะ
และมีเทวาลัยของพระชายาและโอรสทั้งสองคือพระขันทกุมารและพระคเณศอยู่ใกล้เคียงกัน

แต่เทวาลัยมีนักษีสุนทเรศวร ถือเป็นเทวาลัยหลักของฝ่ายหญิงที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุด
เป็นศาสนธานีที่ตั้งอยู่กลางเมือง
ล้อมรอบด้วยตัวเมืองในผังรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นชั้นๆ และเคยเป็นป้อมปราการ
มีกำแพงเมืองและคูน้ำล้อมรอบอยู่ชั้นนอก
นักประวัติศาสตร์ระบุว่าเทวาลัยมีนักษีสร้างขึ้นราวกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17

                                 ภาพจิตรกรรมการอภิเษกระหว่างพระศิวะและพระนางมีนักษี


เทวาลัยมีนักษีมีโคปุรัม (ทางเข้า) ประจำทิศขนาดใหญ่ทั้ง 4 ทิศ
โคปุรัมทิศใต้สูงเกือบ 60 เมตร

                               เคยมีผู้พยายามนับรูปปูนปั้นเทพทั้งหลายที่โคปุรัม ว่ามีกว่าสี่พันองค์

ทุกๆ 12 ปีจะมีการบูรณะซ่อมแซมทาสีรูปปั้นปูนเหล่านี้ใหม่
และจะมีพิธีเฉลิมฉลอง เรียกว่า  กุมภาภิเษก (Kumbabishekam)
ครั้งล่าสุดฉลองไปเมื่อเดือนเมษายน 2552

                                ภายในเทวาลัยมีหลายชั้น คนที่ไม่ใช่ชาวฮินดูเข้าไปชั้นในๆไม่ได้

เทวาลัยมีนักษีจะปิดเวลาสามทุ่มครึ่ง
ทุกคืนก่อนปิดเทวสถานจะมีพิธีแห่อัญเชิญศิวลึงค์
เป็นตัวแทนของพระศิวะจากเทวาลัยสุนทเรศวร
เพื่อไป"เข้าหอ" ในเทวาลัยเจ้าแม่มีนักษี ซึ่งสร้างแยกจากกัน

พวกเรานั่งรอดูขบวนอยู่ที่ขั้นบันไดริมสระใหญ่ ที่เรียกว่าสระปทุมทอง
ได้ยินแต่เสียงตีกลองจากขบวนแห่ อึกทึกคึกโครม ท่ามกลางผู้คนล้นหลาม
ไม่ได้แหวกผู้คนเข้าไปดู
เพียงรับรู้ว่ามีขบวนแห่ ที่ทำหน้าที่อย่างนี้เป็นประจำทุกคืน

เช้าวันที่ 15 ตุลาคม ไปเทวาลัยมีนักษีอีกรอบ  วันนี้ไปประตูด้านทิศเหนือ

ซื้อโปสการ์ด แล้วเดินไปไปรษณีย์ที่ผ่านและหมายตาไว้ตั้งแต่เมื่อคืน
นั่ง(และยืน)เขียนโปสการ์ดกัน
ส่งโปสการ์ดให้ลูกสาว  3 แผ่น  ค่าแสตมป์แผ่นละ 12 รูปี
บุรุษไปรษณีย์คงมีประสบการณ์จากนักท่องเที่ยวมาเยอะ
รีบกวักมือเรียกให้ถ่ายรูปขณะแสตมป์โปสการ์ดของเรา