จากถนน East Raja Street ที่เดินทอดน่องชมงานศิลปะสองข้างทาง
เรากำลังมุ่งหน้าไปโบราณสถานที่เรียกว่า เทวาลัยชายหาด Shore Temple
ระหว่างทางผ่านสระบัวขนาดใหญ่
หนุ่มคนนี้ดูท่าจะนอนหลับอย่างมีความสุข(ถ้าไม่มียุง)
รถเข็นขายขนมทอด สาวน้อยแต่งตัวสวยงาม
ร้านขายชา (ไจ)
Shore Temple เป็นเทวาลัยพระศิวะ และพระนารายณ์
ตั้งอยู่บนหาดทราย ริมทะเล
ค่าเข้าชม หากเป็นคนอินเดีย 10 รูปี ชาวต่างชาติ 250 รูปี
บัตรนี้ใช้เข้าชมได้สองแห่งคือเทวาลัยชายหาด และ ปัญจปาณฑพรถะ ซึ่งอยู่อีกที่หนึ่ง
ซื้อบัตรเข้าชมโบราณสถาน
ทางเดินเข้าเทวาลัยชายหาด
ช่วงเกิดเหตุการณ์สึนามิเมื่อปี พศ. 2547
เทวาลัยชายหาด และมามัลละปุรัมก็ถูกคลื่นยักษ์ถาโถม ทำความเสียหายไม่ใช่น้อย
ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ได้ค้นพบโบราณสถานเพิ่มขึ้นอีก
จากคำบอกเล่า พบว่ามีเทวาลัยจมอยู่ในน้ำมานานโดยไม่มีใครทราบ
เมื่อเกิดเหตุการณ์ ช่วงที่น้ำลดระดับลงผิดปกติ จึงได้ค้นพบ
หนุ่มใหญ่คนนี้ประจำการอยู่แถวนี้ อย่างเป็นทางการหรือเปล่าไม่แน่ใจ
เชิญชวนให้ใช้บริการมัคคุเทศก์ อธิบายเรื่องราวต่างๆ และขอเงินค่าบริการเล็กน้อย
หากเราไม่สนใจเขาก็จะครวญว่ามีลูกเล็กๆต้องเลี้ยงดู ช่วยเขาหน่อย ประมาณนี้
ศิวลึงค์
ช่วงที่เดินกลับออกมา เราสวนกับนักท่องเที่ยวกลุ่มย่อยๆ
มีชาวบ้านทั้งหญิงชาย เด็กเล็ก เร่ขายของที่ระลึกต่างๆ
ที่เห็นประจำ (ทั้งวันนี้และวันต่อๆไป)เกือบทุกที่คือ ครูพานักเรียนมาทัศนศึกษาเป็นคณะใหญ่
เด็กๆสนุกสนานร่าเริงกันมาก
ถ้าโลกนี้ไร้รอยยิ้มจากผู้คน
ตอบลบหนูมองออกแล้วว่าโลกจะจืดชืดมาก
ชอบภาพรองสุดท้ายและภาพสุดท้ายมากเลยค่ะ ^^
ช่วงนี้รายการหนังพาไปก็นำเสนอเรื่องราวของประเทศอินเดีย
หนูได้ยินผู้ใหญ่หลายคนบอกว่าถ้าเลือกเดินทางไปต่างประเทศ
ขอไปที่ที่เจริญกว่าบ้านเรา เป็นอินเดียนี่ไม่ไปเด็ดขาด
หนูดีใจที่ยังมีอีกหลายคนนอกจากนั้นยังมองเห็นเสน่ห์ของอินเดีย
เนอะๆ :D
หลายคนมีความคิดในแง่ลบจนเป็นมายาภาพ หนูต้องไปอ่านงานของอาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ ชุดอินเดีย-จาริกด้านใน แล้วความคิดเราจะพลิกกลับ 360 องศา แรงดาลใจที่ไปอินเดียเที่ยวนี้ยอมรับว่าเกิดขึ้นหลังจากอ่านหนังสือชุดนี้ของอาจารย์ค่ะ และอยากกลับไปอ่านอีก
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบขอบคุณนะคะ :)
ตอบลบ