ปี 2555 น่าจะเป็นปีที่ได้หัวเราะ ฮ่าฮ่าฮ่า อย่างมีความสุข
ตามสัญญลักษณ์เลข 5 ที่คนไทยเอามาใช้แทนเสียงหัวเราะ
แต่กลับเป็นปีแห่งการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ของฉัน
ฉันสูญเสียคนใกล้ชิดที่สุดในชีวิตไปถึงสองคน
ในเวลาห่างกันเพียงวันเดียว
คนหนึ่งเปรียบเหมือนแม่คนที่สอง
เป็นผู้มีพระคุณยิ่งใหญ่ในชีวิต
อีกคนเป็นพี่สาวร่วมโลก แม้ไม่ได้ร่วมสายเลือด
แต่ก็สนิทชิดเชื้อ รู้จักรู้ใจกันมายาวนานเกินกว่า 3 ทศวรรษ
ความตายพรากเราจากกันไกล
ทั้งที่ทำใจไว้ มาช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว
ตั้งแต่ครั้งรู้ข่าวว่าทั้งคู่ล้มป่วย
เรานั่งอยู่หน้าห้องไอซียู รอเข้าเยี่ยมวันละสองรอบ
วันแล้ววันเล่า...
เป็นช่วงเวลาแห่งความอึดอัด ทรมาน
ใจของเราเล่นเอาล่อเอาเถิดกับความตายอย่างเหน็ดเหนื่อย
ต่อรองและแม้กระทั่งติดสินบนกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์
เหมือนเล่นเกม ที่ผลัดกันแพ้ชนะกับโชคชะตาเป็นรายวัน
อยู่ยาวนานหลายเดือน..
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2555 พี่สาวจากไปตอนตีสอง
วันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 น้าจากไปตอนสองทุ่ม
เหตุการณ์เกิดขึ้นตรงหน้า ทุบหัวที่มึนงงให้แกว่งไปมา
ด้วยภาระหน้าที่มากมาย ที่ต้องจัดการต่อไป
เวลาผ่านไปแล้ว 1 ปีเต็ม...
ฉันพยายามเปิดลิ้นชักแห่งความทรงจำ
แต่พบว่าทุกอย่างยังคงผูกปม
พันกันยุ่งเหมือนเส้นด้ายอยู่ในนั้น
บางอย่างยากต่อการคลี่คลาย
และอาจต้องใช้เวลาทั้งหมดของชีวิต
กว่าจะเข้าใจทุกสิ่งได้ถี่ถ้วน
น้าจากไปแบบที่เจ้าตัวไม่คาดคิดว่าจะเป็นการป่วยครั้งสุดท้าย
จึงไม่ได้จัดการเรื่องใดๆทั้งสิ้น
ทิ้งปัญหามหึมาไว้ให้ผู้เกี่ยวข้องสะสาง
ท่ามกลางฝุ่นตลบของปัญหา
เราได้เห็นความเป็นมนุษย์ในแง่มุมที่ชัดเจนขึ้น
ตัวละครหลากหลายใบหน้า เปลี่ยนกันมาเข้าฉาก
ละครชีวิตฉากหนึ่งจบลง ในขณะที่อีกฉากหนึ่งกำลังเริ่มต้น
ปัจฉิมโอวาทของพระพุทธเจ้าก่อนปรินิพพาน
ลอยมาเข้าหัวสมองของฉันตลอดเวลา
กระจ่างแจ้ง ชัดเจน ลึกเข้าไปในหัวใจ
กระทั่งทุกวันนี้..
"ท่านทั้งหลายจงยังกิจทั้งปวงให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด"