วันศุกร์ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

วาสโก เดอ กามา




โคชินเป็นเมืองท่าที่สำคัญของรัฐเกราล่า ที่ทอดยาวตลอดริมฝั่งทะเลอาระเบียน
มีบรรยากาศของการผสมผสานทางวัฒนธรรมอันหลากหลาย
เพราะมีฝรั่งหลายชาติเข้ามายึดครอง แย่งชิงทรัพยากรกัน

ความอุดมสมบูรณ์จากการเป็นแหล่งเพาะปลูกพริกไทย เครื่องเทศที่ดีที่สุด
ทำให้ที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าเครื่องเทศที่ยิ่งใหญ่ของโลก

วาสโก เดอ กามา  Vasco da Gama  นักเดินเรือชาวโปรตุเกส
เป็นคนตะวันตกกลุ่มแรกที่เดินทางมาถึงอินเดีย เมื่อปี พศ. 2031
วาสโก เดอ กามา สร้างโบสถ์เซนต์ฟรานซิส  ที่ถือเป็นโบสถ์ยุโรปที่เก่าแก่ที่สุดในอินเดีย
ต่อมาเขาป่วยและเสียชีวิตที่เมืองโคชินนี่เอง
หลุมศพของเขาอยู่ในโบสถ์ฟรานซิสแห่งนี้
แต่ภายหลังทางโปรตุเกสได้นำศพของเขากลับประเทศไป
แม้เวลาจะผ่านไปหลายร้อยปี  แต่อิทธิพลของวาสโก เดอ กามา ยังคงหลงเหลือเป็นรูปธรรม
อยู่ในประวัติศาสตร์ รวมทั้งชื่อสถานที่และรูปทรงของสถาปัตยกรรมต่างๆของเมือง














พวกดัทช์ เป็นอีกกลุ่มหนึ่งที่เข้ามามีอิทธิพลในแถบนี้
เราได้มีโอกาสเข้าไปดูพิพิธภัณฑ์  Dutch Palace  ที่สร้างโดยชาวดัทช์
เก็บค่าเข้าชมคนละ 5 รูปี  แต่ห้ามถ่ายภาพ





นอกจากโปรตุเกส  ฮอลันดา อังกฤษ ที่มามีอิทธิพลในเขตอินเดียใต้นี้แล้ว ยังมีชาวจีน
อาหรับ และชาวยิว  วัฒนธรรมอันหลากหลายจึงผสมปนเปกันอยู่ในดินแดนแห่งนี้
กลายเป็นเสน่ห์ของเมืองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย
เกราล่า ดินแดนแห่งเครื่องเทศ  อายุรเวชที่มีชื่อเสียง


เคยได้ยินมาว่า รัฐเกราล่าเป็นรัฐที่มีประชาชนอ่านออกเขียนได้สูงสุดของอินเดีย
ประชาชนมีความตื่นตัวทางการเมืองสูงมาก
วันที่เรานั่งเรือข้ามไปเดินเที่ยวเออนากุลัม ก็เจอกับม็อบย่อยๆกลุ่มหนึ่ง

ชาวเกราล่ามีภาษาพูด ภาษาเขียนของตัวเอง
เรียกว่าภาษา มาลยลัม  Malayalam
หนุ่มที่ดูแลโรงแรมที่เราพักชี้ให้ดูว่า
คำว่า Malayalam  สามารถอ่านจากหน้าไปหลัง หรือหลังไปหน้าได้เหมือนกัน
จริงอย่างที่เขาว่า

Mala หมายถึงภูเขา  alam  หมายถึงทะเล
แปลว่าภาษาของคนที่อาศัยอยู่เชิงเขาชายทะเล








วันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

มุ่งหน้าไปเมืองโคชิน








เราเช็คเอาท์ออกจาก K.T.C. Guesthouse เมืองอเลปปี้  ราว 11 โมงวันที่ 19 ตุลาคม 55
ไปรอขึ้นรถเมล์ที่ท่ารถใกล้ๆ เกสท์เฮาส์

รถไปโคชินโดยตรงไม่มี  (ออกไปแล้วตั้งแต่ 10.45 น.)
ต้องนั่งรถเมล์ไปลงเมือง เออนากุลัม  Ernakulam
ระยะทางราว 62  กิโลเมตร  ค่ารถคนละ 41 รูปี
ทางที่รถแล่นผ่าน มีคนขายพรม กระเป๋าถัก สองข้างทาง

เออนากุลัมเป็นเมืองท่าที่สำคัญของรัฐเกราล่า
มีตึกสูงมากมาย ตลาด ห้างสรรพสินค้า
บอกถึงความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ

เมื่อถึงเมืองเออนากุลัม  นั่งออโต้ไปที่ท่าเรือ
ต่อเรือข้ามแม่น้ำไปโคชิน  ค่าเรือคนละ 2.5 รูปี ใช้เวลาราว 20 นาที



ลงจากท่าเรือก็สัมผัสกลิ่นเครื่องเทศมากมาย จากร้านรวงที่ขายอยู่ใกล้ๆท่าเรือ
ที่นี่เป็นศูนย์กลางของเครื่องเทศ อันเป็นที่มาของประวัติศาสตร์ชาติอันยาวนานจากอดีต

คนขับออโต้คนหนึ่งขับตามตื๊อเราจากท่าเรือจนต้องยอม
นายบาบู  อายุ 27 ปี คนนี้ พาเราไปพักที่โรงแรมชื่อ  Orion Skywings
ซึ่งก็โอเค  โรงแรมใหม่ สะอาดดีมาก
คืนละ 600 บาท แถมให้ใช้อินเตอร์เนตฟรี
เลยได้ส่งข่าวถึงทางบ้าน
มีระเบียงเล็กๆหน้าห้องพักด้วย
คงเพราะต้องเดินเข้าซอยเล็กน้อย จึงต้องอาศัยนายหน้า  ไม่งั้นคงยากที่จะได้ลูกค้า
เพราะมีโรงแรม เกสท์เฮาส์มากมายในเมืองนี้











    








เมืองอเลปปี้ หรือ Alappuzha













19  ตุลาคม 2555

เมืองอเลปปี้ หรือ อเลปปูซา เป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่อยู่ในรัฐเกราล่า
เมืองนี้ใช้แม่น้ำเป็นทางสัญจรเหมือนเวนิส

มีเรือที่เรียกว่าเรือสำราญ ให้เหมา เช่า มากมาย
แต่ละลำตกแต่งสวยงามหลายรูปแบบ
ค่าเช่าน่าจะแพง



รัฐเกราล่า เป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ปลายแหลมฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย
เป็นรัฐที่โอบล้อมด้วยทะเลและขุนเขา
ด้านตะวันตกเป็นทะเลอาระเบียน ด้านตะวันออกเป็นภูเขา ป่าไม้ธรรมชาติ
ชื่อรัฐ  เกราล่า แปลว่าต้นมะพร้าว หรือสวนมะพร้าว

เมื่อคืนเราเช็คอินที่  K.T.C.  Guesthouse  ค่าห้อง (พัดลม)  900  รูปี
มี 4 เตียง  สะอาดเรียบร้อยดี
ผู้จัดการโรงแรมซักถามเรื่องเมืองไทยหลายอย่าง เพราะเขาจัดทัวร์ด้วย
และเคยมาเมืองไทยแล้ว



เช้านี้เดินชมเมือง  ผู้คนคึกคัก
รู้ว่าเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่เพราะมีร้านขายจิวเวลรี่ ใหญ่มาก
(ลืมถ่ายรูป เพราะไม่เคยคิดจะซื้อจิวเวลรี่ - เกี่ยวกันมั้ยนี่)

ที่ศาสนสถานฮินดูแห่งหนึ่งกำลังมีงานพิธีอยู่พอดี ไม่รู้เป็นงานอะไร
เสียงกลองฉิ่งฉาบดังกึกก้องกัมปนาท
เราเดินตามเสียงกลองเข้าไป  ต้องถอดรองเท้าตรงทางเข้า  ผู้คนแต่งตัวสวยงามมาร่วมงาน
คงเป็นการไหว้บูชาเทพเจ้า ที่มีรูปปั้นอยู่บนหัวช้างทั้งสามเชือก














                                       บัวบูชา ขายอยู่หน้างานพิธี  ผู้ชายเป็นคนจัดคนขาย


                                                  ส่วนที่เห็นเป็นใบคือใบกะเพรา


                                 มะขามป้อมที่นี่ลูกใหญ่มาก  กิโลละ  60  รูปี




                                                 เริ่มสัมผัสบรรยากาศของเมืองเครื่องเทศ








นั่งรถไฟไปรัฐ เกราล่า - Kerala





18 ตุลาคม 2555

เมื่อวาน(17 ตค.) ตอนเช้ามืด เราเดินไปซื้อตั๋วรถไฟที่สถานีรถไฟไว้ล่วงหน้า
วันนี้เช็คเอาท์จากที่พักราวตีห้า  ลากกระเป๋าออกมาเรียกรถออโต้ที่ปากทาง

กำหนดการ รถไฟจะออกเวลา 05.45 น.
รถไฟที่นี่ขบวนยาวมาก  โบกี้กว้างใหญ่ รางรถไฟก็กว้างกว่ารางรถไฟบ้านเรา
สภาพภายในพอๆกับรถไฟชั้น 3 ของเรา  แต่ไม่มีโอกาสไปสำรวจห้องน้ำ


                                             เก้าอี้นั่งมีหมายเลขกำกับให้นั่งได้ถึง 4 คน


ผู้คนแน่นขึ้นเรื่อยๆ  มีคนขึ้น คนลง ตามสถานีระหว่างทาง นั่งเบียดกันไปตลอด  มีนักเรียน นักศึกษาขึ้นมากันเป็นกลุ่มๆ  บางคนปีนขึ้นไปนอนบนชั้นวางของที่อยู่บนที่นั่ง

            

เราลงสถานี  Kottayam   (ค่ารถ คนละ 117 รูปี)
เวลาน่าจะประมาณเที่ยงกว่าๆ
เป็นสถานีที่ 17 นับจากต้นทางที่กันยากุมารี   เข้าเขตรัฐเกราล่าแล้ว

นั่งรถออโต้ 140 รูปี จากสถานีรถไฟไปท่าเรือ
ใหญ่เช็คข้อมูลว่าเรือจะออกจากท่าราวบ่ายสอง    
แต่เมื่อมาถึงก็รู้จากคนแถวนั้นว่าเรือจะออกเวลาสี่โมงเย็น ซึ่งเป็นเวลาที่โรงเรียนเลิกแล้ว
ท่าเรือนี้เป็นท่าเรือเล็กๆ  อยู่หน้าโรงเรียน
ระหว่างรอ เราหาซื้อน้ำ ขนม จากร้านค้าเล็กๆ แถวนั้น กินรองท้อง


เด็กๆออกมารุมล้อมดูคนแปลกหน้าอย่างเราๆ  จนคุณครูต้องออกมาควบคุมเป็นระยะๆ





 


เรือออก 16.00 น.  เด็กนักเรียนเต็มเรือไปหมด
เป็นขนส่งมวลชนจริงๆ  เรือจอดส่งตามบ้านนักเรียนที่อยู่ริมน้ำ
ค่าเรือคนละ 9 รูปี  (ของเด็กคงจะถูกกว่านี้)  ถูกมากๆ เพราะนั่งนานมากกว่า 2 ชั่วโมง  

  








เรือแล่นผ่านทะเลสาบ สวยงามมาก  ฝนตกปรอยๆ เป็นช่วงๆ  ระยะทางยาวไกลทีเดียว










พระอาทิตย์ตกดิน  ค่ำมืดพอดี  เรือแล่นมาถึงปลายทางที่เมืองอเลบปี้   (Alappuzha)  เราลงที่เมืองนี้